รายงานจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) นายฮุย คา หยาน ประธานบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ได้ขายหุ้นบริษัทในส่วนที่ถืออยู่จำนวน 1.2 พันล้านหุ้นที่มูลค่าเฉลี่ยหุ้นละ 2.23 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือคิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 2.68 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (344 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้ส่วนแบ่งหุ้นของนายฮุยลดลงเหลือ 67.9% จากเดิม 77%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทเอเวอร์แกรนด์ประสบปัญหาอย่างหนักเนื่องจากการขาดสภาพคล่องจนทำให้ผิดนัดชำระหนี้อยู่หลายครั้ง โดยหน่วยงานรัฐบาลจีนได้แนะนำให้นายฮุยใช้ทรัพย์สินส่วนตัวมาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ ซึ่งนายฮุยได้ดำเนินการตามคำแนะนำด้วยการขายทรัพย์สินส่วนตัวที่มีมูลค่าสูงหลายรายการ เช่น งานศิลปะ, ภาพเขียนพู่กัน และบ้านพักหรูหรา 3 แห่ง
อนึ่ง ขณะนี้เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินจำนวนมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน