สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (19 มิ.ย.) สหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA) ลงมติห้ามนักกีฬาข้ามเพศเข้าแข่งขันว่ายน้ำประเภทผู้หญิง และจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมจัดการแข่งขันสำหรับนักกีฬาข้ามเพศโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายใหม่
นโยบายใหม่กำหนดคุณสมบัติการเข้าแข่งขันว่ายน้ำของ FINA ไว้ว่า นักกีฬาข้ามเพศจากชายเป็นหญิงมีสิทธิลงแข่งได้ก็ต่อเมื่อ "สามารถพิสูจน์ตามที่ FINA ต้องการได้ว่า ไม่เคยผ่านภาวะเริ่มเจริญพันธุ์เป็นผู้ชายมากกว่าระดับ Tanner Stage 2 (ช่วงเริ่มต้นของวัยเจริญพันธุ์) หรือก่อนอายุ 12 ปี แล้วแต่ว่าอย่างใดเกิดขึ้นทีหลัง"
นโยบายดังกล่าวผ่านมติเสียงส่วนใหญ่ที่ราว ๆ 71% จากชาติสมาชิกสหพันธ์ทั้งหมด 152 รายที่มีสิทธิ์โหวต ในการประชุมใหญ่ ณ สนามกีฬาปุชกาช อารีนา
นอกจากนี้ นโยบายใหม่ของ FINA ยังเปิดโอกาสให้นักกีฬาที่ร่างกายมีภาวะไม่ไวต่อฮอร์โมนแอนโดรเจนโดยสิ้นเชิง สามารถลงแข่งขันได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผ่านภาวะเริ่มเจริญพันธุ์เป็นผู้ชายได้
นักกีฬาว่ายน้ำที่ "ภาวะเริ่มเจริญพันธุ์เป็นผู้ชายถูกระงับในช่วงเริ่มต้น ณ ระดับ Tanner Stage 2 หรือก่อนอายุ 12 ปี แล้วแต่ว่าอย่างใดเกิดขึ้นทีหลัง และนับจากนั้นได้คงระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในซีรัม (หรือพลาสมา) ต่ำกว่า 2.5 นาโนโมล/ลิตร ได้อย่างต่อเนื่อง" ก็ได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขันในประเภทหญิงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ สิทธิ์ของนักกีฬาข้ามเพศกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่าจะหาจุดสมดุลอย่างไร ระหว่างการไม่กีดกันทางเพศกับความยุติธรรมในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดกรณีของลีอา โธมัส นักว่ายน้ำจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียที่กลายเป็นนักกีฬาข้ามเพศ (จากชายเป็นหญิง) คนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ NCAA Division I หลังชนะในการแข่งว่ายน้ำหญิงแบบฟรีสไตล์ 500 หลา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา