In Focusจีนกับเส้นทางจากนโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ สู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก

ข่าวต่างประเทศ Wednesday July 19, 2017 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ณ ปัจจุบัน หากมีการเปิดหัวข้อสนทนาว่า ประเทศใดที่มีความโดดเด่นและเป็นที่จับตามองมากที่สุดในด้านของการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึงการมีบทบาทนำทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ชื่อของ “สาธารณรัฐประชาชนจีน" ก็คงจะเป็นประเทศที่ต้องถูกพูดถึงอย่างแน่นอน เพราะนับตั้งแต่ที่จีนปฏิรูปและเปิดประเทศในปี พ.ศ.2521 จีนก็มีพัฒนาการด้านเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด และได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีบทบาทนำในการคิดค้นโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและด้านอื่น ๆ ร่วมกัน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

จุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมสู่การเป็นประเทศจีนที่มีความทันสมัยอย่างเช่นทุกวันนี้อยู่ที่ใด คำตอบก็คือ “เมืองเซินเจิ้น มณฑลกว่างตง" (หรือที่เรียกกันว่ากวางตุ้ง) โดยนายเติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีจีนในสมัยนั้น ได้กำหนดให้เมืองนี้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ อันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ.2521 โดยก่อนที่จะมีการเปิดใช้นโยบายนี้ ชาวจีนจำนวนมากอพยพหนีความแร้นเค้นไปหาเลี้ยงชีพในต่างแดน ส่งผลให้นายเติ้ง เสี่ยวผิง ต้องหาทางแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ เริ่มต้นจากการแบ่งอำนาจจากพรรคให้กับประชาชนซึ่งเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอนและตามระบบ และเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากแบบที่ใช้การวางแผนจากส่วนกลางมาเป็นเศรษฐกิจแบบผสม เรียกว่า "สังคมนิยมที่เป็นลักษณะเฉพาะของจีน“ ส่งผลให้เซินเจิ้น ซึ่งเดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ และยากจน ถูกพลิกโฉมเป็นหนึ่งในมหานครที่มีอัตราการพัฒนาและเติบโตเร็วที่สุด ประชากรหนาแน่นที่สุด และมีความเจริญมากที่สุดในจีนโดยใช้เวลาในการพลิกโฉมจนกลายเป็นเซินเจิ้นทุกวันนี้ภายในระยะเวลาเพียง 37 ปี นับได้ว่า เมืองเซินเจิ้นเป็นต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศจีนให้เฟื่องฟู นอกจากนี้ ในช่วงปี พ.ศ.2522 ก็มีการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นที่ จูไห่ ซัวเถา เซียะเหมิน อีกด้วย ดร.เช่า เผิงหมิง อาจารย์จากมหาวิทยาลัย China Foreign Affairs University เปิดเผยในโครงการพัฒนาศึกษาค้นคว้าสำหรับนักสื่อมวลชนของราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดยศูนย์อบรมด้านกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-12 กรกฎาคม 2560 ว่า “สี่สิบปีผ่านมา จีนได้รับผลสำเร็จอย่างมากจากการปฏิรูปเศรษฐกิจ นี่เป็นการยืนยันให้เห็นถึงความถูกต้องและความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งนี้"

ด้วยความสำเร็จในเซินเจิ้นนี้เอง ส่งผลให้ประเทศจีน เริ่มพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศในขั้นตอนต่อไป ซึ่งก็คือ การมุ่งเน้นพัฒนาชุมชนเมือง คอยติดตามการพัฒนาและแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน มีการจัดตั้งโครงสร้างระบบเศรษฐกิจสังคมนิยม รวมไปถึงการปรับปรุงแก้ไขนวัตกรรมเรื่อยมา ส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งปี พ.ศ.2556 จีนได้หันมาเน้นการปรับสมดุลเศรษฐกิจใหม่ ปรับปรุงโครงสร้าง และเน้นไปที่คุณภาพของสินค้าแทนการเน้นปริมาณ อีกทั้งยังมีการนำเสนอแนวคิด “ความฝันของจีน" โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันเพื่อฟื้นฟูความรุ่งเรืองของจีนครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงความรุ่งเรืองด้านวัตถุ การเมือง จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ยังมีกระแสการลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาในประเทศตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้ นายโจ๋ว หมิน ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าต่างประเทศ ของกระทรวงพาณิชย์มณฑลไห่หนาน แสดงความคิดเห็นว่า “เหตุผลหลักที่บริษัทต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในประเทศจีน มีอยู่ 4 ประการด้วยกัน ประการแรก คือ เมื่อบริษัทต่างชาติมาลงทุนในประเทศจีน รัฐบาลจีนได้ให้การสนับสนุนและให้สิทธิพิเศษเพื่อให้มาลงทุน ประการที่สอง คือ บริษัทต่างชาติเห็นโอกาสในการพัฒนาหรือการเติบโตของจีน ประการที่สาม คือ ค่าแรงที่ราคาถูกมาก ประการที่สี่ คือ ความขยัน การเรียนรู้และคุณภาพแรงงานในประเทศจีน"

เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา นับว่าประเทศจีนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างเพียบพร้อมยิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังไม่พร้อมมากพอที่จะรองรับจำนวนประชากรอันมหาศาลก็ตาม แต่ก็มีแนวโน้มว่า ระบบต่าง ๆ จะได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นต่อไป ในปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้ให้การสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อผลักดันให้มีการคิดค้นนวัตกรรมในการพัฒนาประเทศและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้กับประชาชนอีกด้วย เช่น การชำระเงินออนไลน์ การใช้ QR Code การใช้แอปพลิเคชั่นจองตั๋วรถโดยสารสาธารณะ แอปพลิเคชั่นตรวจสอบการจราจรในเมืองใหญ่ แอปพลิเคชั่นติดตามรถบัส การเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัทสตาร์ทอัพ และค่อย ๆ พัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะโดยสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

บทบาทของจีนในระดับภูมิภาคและระดับโลก

นอกเหนือจากการผลักดันเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ปัจจุบันประเทศจีนมีบทบาทสำคัญมากมายในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนายเวิ่น เสียวหมิ่ง หัวหน้าศูนย์อบรมด้านกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์มณฑลไห่หนาน เปิดเผยว่า “รัฐบาลจีนมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อประเทศเพื่อนบ้านและประเทศกำลังพัฒนา โดยอาศัยหลักการที่เน้นประสิทธิผล มีความเสมอภาค และปราศจากเงื่อนไข เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน" ซึ่งโครงการสำคัญ ๆ ประกอบด้วย โครงการ One Belt One Road โครงการความร่วมมือใต้-ใต้ (South-South Cooperation) อีกทั้งยังให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงาน การร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอีกด้วย

เรื่องราวที่เล่าไปข้างต้น ถือเป็นเรื่องราวแบบคร่าว ๆ ของเส้นทางการยกระดับตนเองของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาอย่างง่ายดาย เพราะจีนเป็นประเทศขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ที่ต้องควบคุมบริหารถึง 9.6 ล้านตารางกิโลเมตรซึ่งเป็นแหล่งรวมของชนเผ่าต่างๆ กว่า 56 ชนเผ่า ประชากรอีกกว่า 1.371 พันล้านคน ดังนั้น การดำเนินนโยบายใดๆ ถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ ตลอดจนการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ หากปราศจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้นำที่กล้าตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการบริหารเศรษฐกิจในประเทศและความแข็งขันมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศระดับเจ้าหน้าที่แล้ว จีนก็คงไม่สามารถก้าวกระโดดมาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจได้จนถึงทุกวันนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ