พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๕๓

ข่าวต่างประเทศ Thursday January 20, 2011 07:08 —กระทรวงการต่างประเทศ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๕๓ ในวันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ได้รับพระราชทานรางวัล พร้อมคู่สมรสในวันเดียวกัน ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เวลา ๒๐.๐๐ น.

สำหรับผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับพระราชทานรางวัล นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการประชุมฯ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ได้พิจารณาผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๕๓ จำนวน ๗๒ ราย จาก ๓๑ ประเทศ และได้มีมติตัดสินมอบรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๕๓ ในสาขาการแพทย์ ๒ ท่าน และสาขาการสาธารณสุข ๓ ท่าน ดังต่อไปนี้

สาขาการแพทย์ ได้แก่

๑) ศาสตราจารย์นายแพทย์นิโคลัส เจ. ไวต (Professor Nicholas J. White) ประธานหน่วยวิจัยโรคเขตร้อนเวลคัมทรัสต์ ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ศาสตราจารย์เวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร ได้ทุ่มเทตลอดระยะเวลากว่า ๒๕ ปี ศึกษาค้นคว้าวิธีรักษาโรคมาลาเรีย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเขตระบาดของโรคมาลาเรียที่มีการดื้อยาอย่างมาก โดยมุ่งเน้นการใช้ยาสูตรผสมซึ่งมีตัวยากลุ่มอาเทมิซินิน (artemisinin) ร่วมกับยารักษามาลาเรียอีกชนิดหนึ่งเพื่อเพิ่มผลการรักษาและป้องกันการดื้อยาศาตราจารย์นายแพทย์นิโคลัส เจ. ไวต ได้รณรงค์ให้ใช้ยาสูตรผสมอาเทมิซินินรักษา (artemisinin-based combination therapies) อย่างกว้างขวางซึ่งองค์การอนามัยโลกให้การยอมรับว่าเป็นวิธีการรักษาที่สำคัญของโรคมาลาเรียและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

ผลงานการพัฒนาวิธีการรักษาโรคมาลาเรียโดยใช้ยาสูตรผสมของ ศาสตราจารย์นายแพทย์ นิโคลัส เจ. ไวต ที่ประกอบด้วยยาสองชนิดในเม็ดเดียวกันมีประสิทธิภาพสูง ทำให้อัตราการตายของผู้ป่วยลดลงอย่างเด่นชัดและสามารถป้องกันการดื้อยาได้ดี อีกทั้งการใช้ยาสะดวกและควบคุมขนาดยาได้ดี มีผลต่อการรักษาและควบคุมการระบาดของโรคมาลาเรียได้ทั่วโลก เป็นองค์ความรู้ทางการแพทย์ที่มีผลต่อสุขภาพอนามัยต่อมวลมนุษยชาติอย่างกว้างขวาง

๒) ศาสตราจารย์นายแพทย์ เควิน มาร์ช (Professor Kevin Marsh) ผู้อำนวยการโครงการวิจัยเวลคัม-เคมรี่ (Wellcome-KEMRI(Kenya Medical Research Institute) Research Programme) และศาสตราจารย์เวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร มีบทบาทสำคัญในการศึกษาด้านระบาดวิทยาภูมิคุ้มกันของโรคมาลาเรีย ปฏิบัติการส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกา โดยศึกษาวิจัยการตอบสนองทางระบบภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะแอนติเจนของเชื้อมาลาเรีย พบว่าหลังจากที่มีการติดเชื้อมาลาเรียแล้วเชื้อยังมีการเปลี่ยนแปลงกลายพันธุ์ต่อไปได้อีก เป็นพื้นฐานสำคัญของการศึกษาและพัฒนาวัคซีนในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต้องคำนึง ถึงความหลากหลายของสายพันธุ์ของเชื้อด้วย

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์เควิน มาร์ช ยังเป็นคนแรกที่อธิบายว่าภาวะหายใจลำบากในผู้ป่วยมาลาเรีย บางรายอาจจะเกิดเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นำไปสู่การพัฒนาวิธีรักษาด้วยยาต้านแบคทีเรียร่วมกับยารักษามาลาเรีย ทั้งยังได้ศึกษาพบว่าภาวะหายใจลำบากและมาลาเรียขึ้นสมอง(Cerebral malaria)เป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่สุดของมาลาเรีย นำไปสู่การพัฒนาวิธีการรักษาและดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่มีอาการรุนแรง

ผลงานของศาสตราจารย์นายแพทย์ นิโคลัส เจ. ไวท์ และ ศาสตราจารย์นายแพทย์ เควิน มาร์ช มีส่วนสำคัญ ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเชื้อมาลาเรียและนำองค์ความรู้จากห้องปฏิบัติการไปสู่การรักษาและควบคุมโรคมาลาเรียซึ่งผลงานของทั้งสองท่านได้นำไปสู่วิธีการรักษาที่ใช้อย่างกว้างขวางลดอัตราการเสียชีวิตและบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยที่เป็นโรคมาลาเรียหลายพันล้านคนทั่วโลก

สาขาการสาธารณสุข ได้แก่

๑) ศาสตราจารย์นายแพทย์ อนันดา เอส. ประสาด (Professor Ananda S. Prasad) ศาสตราจารย์เกียรติคุณภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวย์นเสตต ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นบุคคลแรกที่พบความสำคัญของธาตุสังกะสีต่อการเจริญ เติบโตและพัฒนาการของร่างกาย โดยในปี พ.ศ.๒๕๐๖ ได้ตรวจพบผู้ป่วยขาดธาตุสังกะสีมีร่างกายแคระเกร็น มีการพัฒนาการในด้านต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาการทางเพศที่ล่าช้า พัฒนาการของกระดูกผิดปกติ โลหิตจาง ตับและม้ามโต เมื่อรักษาโดยการเสริมธาตุสังกะสีแล้ว ผู้ป่วยมีการเติบโตและพัฒนาการกลับมาดีขึ้น ทั้งในด้านความสูง น้ำหนัก พัฒนาการของกระดูกและพัฒนาการทางเพศ

ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสาด ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี แสดงให้เห็นว่าธาตุสังกะสีมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเซลล์และระบบต่าง ๆ ของร่างกาย การขาดธาตุสังกะสีทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงเนื่องจากร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง ผลการศึกษาของ ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสาด ได้กระตุ้นให้แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญและสนใจศึกษาธาตุสังกะสีต่อสุขภาพ ทำให้เด็กได้รับธาตุสังกะสีเสริมจำนวนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

๒) ศาสตราจารย์นายแพทย์เคนเนท เอช. บราวน์ (Professor Kenneth H. Brown) ศาสตราจารย์ภาควิชาการโภชนาการ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาต่อเนื่องเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี ร่วมกับแพทย์หลายท่าน พบว่าการให้ธาตุสังกะสีเสริมในเด็กสามารถช่วยลดความรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตจากโรคท้องร่วงและโรคปอดบวมซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเด็กในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกได้ สามารถลดอัตราการเกิดโรคอุจจาระร่วงลงร้อยละ ๒๗ และลดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างเฉียบพลันลงร้อยละ ๒๐ ส่วนเด็กที่ขาดสารอาหารต่อเนื่องเป็นเวลานานเมื่อได้รับธาตุสังกะสีเสริมจะมีอัตราการเจริญเติบโตและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น รวมทั้งการให้ธาตุสังกะสีเสริมขณะที่มารดาตั้งครรภ์จะทำให้เด็กทารกเกิดโรคอุจจาระร่วงลดลง

ศาสตราจารย์นายแพทย์เคนเนท เอช. บราวน์ ยังมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ระดับนานาชาติเรื่องโภชนาการในเด็ก โดยเป็นประธานกลุ่มที่ปรึกษานานาชาติด้านโภชนาการสังกะสี (International Zinc Nutrition Consultative Group (iZiNCG) ) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๔๓ เพื่อส่งเสริมรณรงค์และช่วยลดภาวะการขาดธาตุสังกะสีทั่วโลกทำให้ประชากรโลกกว่าร้อยละ ๒๐ ลดความเสี่ยงต่อการขาดธาตุสังกะสีได้

๓) ศาสตราจารย์นายแพทย์โรเบิร์ท อี. แบล็ก (Professor Robert E. Black) หัวหน้าภาควิชาสาธารณสุขระหว่างประเทศ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา เป็นผู้บุกเบิกการเสริมธาตุสังกะสีในโภชนาการเพื่อลดความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตของเด็ก โดยศึกษาผลกระทบระยะยาวในเด็กที่เป็นโรคอุจจาระร่วงในประเทศบังคลาเทศ พบว่าเด็กเหล่านี้หากไม่ได้รับโภชนาการที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เกิดวงจรอุบาท diarrhea-nutrition cycle กล่าวคือเมื่อมีโรคอุจจาระ ร่วง จะมีการดูดซึมสารอาหารลดลง ทำให้ขาดอาหารและธาตุอาหารสำคัญ และมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ส่งผลทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงอย่างเรื้อรังเป็นวงจรต่อเนื่องกัน การศึกษานี้กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาวิธีให้สารอาหารที่เหมาะสมในขณะที่มีภาวะอุจจาระร่วง ซึ่งช่วยลดอัตราการตายของเด็กลงได้มาก นอกจากนี้ยังพบว่าการให้ธาตุสังกะสีเสริมในระหว่างที่มีอาการท้องเดินเฉียบพลันจะช่วยลดความรุนแรงและการตายลง และการให้ธาตุสังกะสีเสริมระหว่างการรักษาโรคปอดบวมช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยลงได้

ผลงานของศาสตราจารย์นายแพทย์โรเบิร์ต อี. แบล็ก ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกและกองทุน เพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ) นำไปแนะนำวิธีการให้อาหารและการเสริมธาตุสังกะสีแก่เด็กที่ป่วยโรคอุจจาระร่วง นอกจากนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์โรเบิร์ท อี. แบล็ก ยังมีบทบาทระดับโลกในการส่งเสริมและผลักดันด้านนโยบายเกี่ยวกับการให้ธาตุสังกะสีเสริม ซึ่งมีการนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง ส่งผลในการลดอัตราการตายของเด็ก และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กทั่วโลก

ผลงานของศาสตราจารย์นายแพทย์อนันดา เอส. ประสาด, ศาสตราจารย์นายแพทย์เคนเนท เอช. บราวน์ และศาสตราจารย์นายแพทย์โรเบิร์ท อี. แบล็ก เป็นความเกี่ยวเนื่องกัน นำไปสู่การประยุกต์ให้ธาตุสังกะสีเสริมในเด็ก ทำให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของเด็กหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

อนึ่ง ในช่วง ๑๘ ปีที่ผ่านมา ได้มีผู้ที่เคยได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ จำนวนทั้งสิ้น ๕๔ ท่าน และเคยมี ๒ ท่านได้รับรางวัลโนเบล ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.นพ.แบรี่ มาร์แชล (Professor Dr. Barry Marshall) จากประเทศออสเตรเลีย และศาสตราจารย์ดร.นพ.ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซ่น (Professor Dr. Harald zur Hausen) จากประเทศเยอรมนี โดยศาสตราจารย์ ดร.นพ.มาร์แชล ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๔๔ ในสาขาการสาธารณสุข และได้รับรางวัลโนเบล ปี ๒๕๔๘ ในสาขาการแพทย์ (Medicine) จากการค้นพบว่าเชื้อแบคทีเรียชนิดใหม่ชื่อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอรัย (Helicobactor pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะอาหาร เป็นผลทำให้เกิดความเข้าใจและมีการเปลี่ยนหลักการรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้ สำหรับศาสตราจารย์ ดร.นพ.ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซ่น ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๔๘ สาขาสาธารณสุข และได้รับรางวัลโนเบล ปี ๒๕๕๑ ในสาขาการแพทย์ (Medicine) จากการศึกษาวิจัยแพ็บพิลโลม่าไวรัสของคน (เอชพีวี) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก (cervical cancer)

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ