ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ ๗ - ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ เนปิดอว์

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 7, 2014 15:54 —กระทรวงการต่างประเทศ

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (Lower Mekong Initiative - LMI) ครั้งที่ ๗ การประชุมรัฐมนตรีมิตรประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (Friends of the Lower Mekong - FLM) ครั้งที่ ๔ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan Cooperation - MJ) ครั้งที่ ๗ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสและรัฐมนตรีอาเซียน ครั้งที่ ๔๗ ระหว่างวันที่ ๕ -๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ เนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค และลดช่องว่างทางการพัฒนาของประเทศสมาชิกโดยเฉพาะ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม และประเทศอาเซียนอื่น โดยไทยมีบทบาทในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในแต่ละกรอบความร่วมมือร่วมกับสหรัฐอเมริกา ในกรอบ LMI และญี่ปุ่น ในกรอบ MJ ทั้งนี้ FLM เป็นเวทีที่สหรัฐฯ ริเริ่มขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศผู้ให้และหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอื่น อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป ได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการและการให้ความช่วยเหลือในกรอบภูมิภาคและอนุภูมิภาคอื่น ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างบูรณาการของกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ของลุ่มน้ำโขง

สาระสำคัญของการประชุมครอบคลุมหลายประเด็นด้วยกัน โดยที่ประชุมรัฐมนตรีลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นจะหารือเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือในอนาคตเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปีหน้า ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ประเด็นสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน

สำหรับที่ประชุมรัฐมนตรี LMI และ FLM จะร่วมกันหารือทิศทางในอนาคตของความร่วมมือ ๖ สาขา (ความเชื่อมโยง การศึกษา สิ่งแวดล้อมและน้ำ เกษตรและความมั่นคงด้านอาหาร สาธารณสุข และความมั่นคงด้านพลังงาน) ที่จะดำเนินการต่อไปอีก ๕ ปีข้างหน้า (ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๒๐) โดยให้ความสำคัญกับประเด็นอาหาร น้ำ และความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนการส่งเสริมบทบาทของสตรีในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับมิติทางเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน ในปี ค.ศ. ๒๐๑๕

--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ