อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกกล่าวเปิดการประชุมว่า ความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลียมีพัฒนาการที่ดีมาก มองโกเลียมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ และกระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยให้ความสนใจกับตลาดมองโกเลียมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การแปรรูปอาหารและเนื้อสัตว์ โลจิสติกส์ และภาคบริการ เช่น การรักษาพยาบาล การเงิน การโรงแรม และการท่องเที่ยว ในขณะที่เอกอัครราชทูตมองโกเลียฯ กล่าวว่า มองโกเลียเล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะประเทศซึ่งเป็นหลักสำคัญของอาเซียน และเป็น gateway สู่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค และมีความพอใจกับพัฒนาการความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลีย โดยทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง อาทิ การเสด็จฯ เยือนมองโกเลียของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒ ครั้ง การแลกเปลี่ยนการเยือนของนายกรัฐมนตรีทั้ง ๒ ฝ่าย และการมีกรอบความร่วมมือและความตกลงที่สำคัญระหว่างกัน เป็นต้น ทั้งนี้ ฝ่ายมองโกเลียได้ขอบคุณรัฐบาลไทยสำหรับความช่วยเหลือทางวิชาการและความร่วมมือในการวิจัยการผสมผ้าไหมไทยและแคชเมียร์ของมองโกเลีย
นอกจากนี้ ดร.ฮาชชูลุนฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจมองโกเลียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของมองโกเลีย ได้แก่ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ (ทองแดง ถ่านหิน เหล็ก ทองคำ) และอุตสาหกรรมการเกษตร รัฐบาลมองโกเลียสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยได้ออกกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่เพื่อสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในด้านดังกล่าว ทั้งนี้ ภาคเอกชนไทยมีศักยภาพและควรร่วมกับบริษัทมองโกเลียในการลงทุนในมองโกเลียโดยมุ่งเน้นสาขาสำคัญ ๑ - ๒ สาขา และมองโกเลียยังสามารถเป็นตลาดสำหรับสินค้าไทยและรถยนต์ปิกอัพของไทยด้วย ทางด้านนายวรวุฒิ ลีลานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการบริษัท บ้านปู จำกัด ได้แสดงความเห็นว่า รัฐบาลมองโกเลียควรเพิ่มความชัดเจนเรื่องโครงสร้างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นด้วย
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--