กรุงเทพ--10 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 นายเยฟเกนี วลาดีมีโรวิช อะฟานาเซียฟ (Yevgeny Vladimirovich Afanasiev) เอกอัครราชทูตสหพันธรัสเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตรัสเซียฯ และถือโอกาสนี้ กล่าวแสดงความยินดี ในนามรัฐบาลไทยในการที่นายดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่างๆ เพื่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน และแสดงความชื่นชมในความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่แน่นแฟ้นและความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองฝ่ายในทุกระดับ ดังสะท้อนให้เห็นจากการเสด็จฯ เยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในฐานะผู้แทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นและกว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป โดยเฉพาะ ในด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน รวมทั้งยังได้หารือในการดำเนินการให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานในภูมิภาค(the regional’s energy hub) ตามที่ประธานาธิบดีรัสเซียเสนอ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอให้เอกอัครราชทูตฯ นำความเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเยือนประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อร่วมหารือในประเด็นต่อเนื่องด้านความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน และร่วมลงนามแผนปฏิบัติการร่วมไทย - รัสเซีย (Thai Russia Joint Plan of Action) ซึ่งใกล้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปัจจุบัน นอกจากนี้ สองฝ่ายยังได้เตรียมการที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือระดับทวิภาคีซึ่งไทยจะเป็นภาพในปีนี้ด้วย
รัฐมนตรีว่าการฯ แสดงความหวังว่า ความตกลงในระดับทวิภาคีของทั้งสองฝ่ายอื่น ๆ ที่คั่งค้างจะหาข้อยุติได้โดยเร็ว ซึ่งจะเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ รัฐมนตรีว่าการฯ หวังด้วยว่า รัสเซียจะเร่งรัดการให้สัตยาบันเพื่อให้ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างทั้งสองฝ่ายซึ่งได้ลงนามแล้วมีผลบังคับใช้โดยเร็ว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังประสงค์ให้ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ โดยผ่านทางสภาธุรกิจร่วม ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านนี้ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับความสัมพันธ์ระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีจำนวนกว่า 300,000 คน เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ ยังได้กล่าวถึงการที่นครเซนต์ปีเตอร์เบอร์กและกรุงเทพฯ มีความตกลงว่าด้วยความสัมพันธ์ในลักษณะบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งฝ่ายรัสเซียอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดงานเทศกาล ทางวัฒนธรรมที่ประเทศไทย จึงขอรับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีว่าการฯ ในการนี้ด้วย
เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ ยังได้กล่าวถึงความปรารถนาของรัสเซียที่จะเสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค โดยเฉพาะ ทั้งสองฝ่ายได้แสดงจุดยืนที่มีความคล้ายคลึงกันในหลายเรื่อง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 นายเยฟเกนี วลาดีมีโรวิช อะฟานาเซียฟ (Yevgeny Vladimirovich Afanasiev) เอกอัครราชทูตสหพันธรัสเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตรัสเซียฯ และถือโอกาสนี้ กล่าวแสดงความยินดี ในนามรัฐบาลไทยในการที่นายดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่างๆ เพื่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน และแสดงความชื่นชมในความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่แน่นแฟ้นและความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองฝ่ายในทุกระดับ ดังสะท้อนให้เห็นจากการเสด็จฯ เยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในฐานะผู้แทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นและกว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป โดยเฉพาะ ในด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน รวมทั้งยังได้หารือในการดำเนินการให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานในภูมิภาค(the regional’s energy hub) ตามที่ประธานาธิบดีรัสเซียเสนอ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอให้เอกอัครราชทูตฯ นำความเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเยือนประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อร่วมหารือในประเด็นต่อเนื่องด้านความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน และร่วมลงนามแผนปฏิบัติการร่วมไทย - รัสเซีย (Thai Russia Joint Plan of Action) ซึ่งใกล้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปัจจุบัน นอกจากนี้ สองฝ่ายยังได้เตรียมการที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือระดับทวิภาคีซึ่งไทยจะเป็นภาพในปีนี้ด้วย
รัฐมนตรีว่าการฯ แสดงความหวังว่า ความตกลงในระดับทวิภาคีของทั้งสองฝ่ายอื่น ๆ ที่คั่งค้างจะหาข้อยุติได้โดยเร็ว ซึ่งจะเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ รัฐมนตรีว่าการฯ หวังด้วยว่า รัสเซียจะเร่งรัดการให้สัตยาบันเพื่อให้ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างทั้งสองฝ่ายซึ่งได้ลงนามแล้วมีผลบังคับใช้โดยเร็ว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังประสงค์ให้ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ โดยผ่านทางสภาธุรกิจร่วม ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านนี้ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับความสัมพันธ์ระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีจำนวนกว่า 300,000 คน เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ ยังได้กล่าวถึงการที่นครเซนต์ปีเตอร์เบอร์กและกรุงเทพฯ มีความตกลงว่าด้วยความสัมพันธ์ในลักษณะบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งฝ่ายรัสเซียอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดงานเทศกาล ทางวัฒนธรรมที่ประเทศไทย จึงขอรับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีว่าการฯ ในการนี้ด้วย
เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ ยังได้กล่าวถึงความปรารถนาของรัสเซียที่จะเสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค โดยเฉพาะ ทั้งสองฝ่ายได้แสดงจุดยืนที่มีความคล้ายคลึงกันในหลายเรื่อง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-