สรุปการแถลงข่าวในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 10, 2023 13:20 —กระทรวงการต่างประเทศ

สรุปการแถลงข่าวในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล

โดยนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ

อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า จะมีแถลงข่าว ๒ ครั้งต่อวัน ตามที่ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) สั่งการ เวลา ๑๑.๐๐ น. และ ๑๕.๓๐ น. (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาได้ตามสถานการณ์)

นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ต่อสายโทรศัพท์เข้ามาร่วมแถลงข่าวด้วย

๑. พัฒนาการของสถานการณ์

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่า สถานการณ์ในอิสราเอลยังคงรุนแรง มีการโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันที่ผ่านมา รัศมีการโจมตีขยายวงจากรอบฉนวนกาซาไปยังกรุงเทลอาวีฟและเมืองโดยรอบ และนครเยรูซาเล็ม ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่มีรัศมีกว้างและมุ่งเป้าทำลายระบบโครงสร้างพื้นฐานของอิสราเอลอย่างเด่นชัด ในขณะที่กองทัพอิสราเอลก็ได้ทำการโจมตีฝ่ายตรงข้ามและตัดน้ำตัดไฟบริเวณฉนวนกาซาเช่นกัน

กองทัพอิสราเอลประกาศว่า สามารถกระชับพื้นที่ในเขตเมืองต่าง ๆ ได้สำเร็จ และได้อพยพคนออกจากเมืองรอบฉนวนกาซาได้แล้ว ๑๕ จากทั้งหมด ๒๔ เมือง แต่อาจยังมีผู้ก่อการร้ายหลงเหลือในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการเรียกกำลังสำรองมากกว่า ๓๐๐.๐๐๐ คน ซึ่งถือเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

ทางการอิสราเอลยืนยัน จะช่วยเหลือและดูแลคนทุกชาติในอิสราเอลอย่างเท่าเทียมและเต็มที่

๒. ความคืบหน้าและผลกระทบต่อคนไทยในพื้นที่

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากนายจ้างในพื้นที่ว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก ๖ ราย รวมเสียชีวิต ๑๘ ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอล ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บคนไทยยังคงเป็น ๙ ราย ตามที่รายงานเมื่อวานนี้ (๘ ต.ค.)

กองทัพอิสราเอล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันอพยพแรงงานไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุดจากบริเวณไม่เกิน ๔ กิโลเมตรรอบฉนวนกาซา โดยคนไทยเป็นส่วนหนึ่งในหลายร้อยคนจากทุกชาติที่ได้รับการเคลื่อนย้ายให้ไปพักอาศัยและทำงานในพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สนับสนุนการแจ้งที่อยู่ของแรงงานที่ขอความช่วยเหลืออพยพให้ทางการอิสราเอลทราบด้วย

ตำรวจอิสราเอลร่วมมือกับองค์กรเอกชนจะใช้เทคโนโลยี cyber จดจำใบหน้าในการค้นหาและติดตามผู้สูญหายและผู้ที่ติดต่อไม่ได้ สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างสนับสนุนการจัดส่งรายชื่อผู้ที่ญาติไม่สามารถติดต่อได้

นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตหลายแห่งในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ติดต่อฝ่ายปาเลสไตน์และกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่าง ๆเพื่อแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลและขอให้สนับสนุนการช่วยเหลือคนไทยด้วยแล้ว

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ ๙ ต.ค. ๒๕๖๖ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้และให้คำมั่นที่จะดูแลคนไทยในอิสราเอลอย่างดีที่สุด อีกทั้งแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้จบลงได้ ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้แจ้งว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับชาวไทยที่อยู่ในอิสราเอล ขอให้อิสราเอลทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องคนไทย ให้ปลอดภัย และเร่งให้การช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด อีกทั้งขอให้ทางการอิสราเอลตรวจสอบและยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บชาวไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสแรก

๓. การดำเนินการของทางการไทย

สถานเอกอัครราชทูตฯ จะส่งแรงงานไทยครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๕ คน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาจนสามารถเดินทางได้ ๔ คน และแรงงานไทยที่ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ๑๑ คน รวมเป็น ๑๕ คน โดยเครื่องบินพาณิชย์ กลับ ปทท. ในวันที่ ๑๑ ต.ค. ๖๖ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ เวลา ๒๑.๔๕ น. โดยสายการบิน Israel Airlines (เที่ยวบินที่ LY083) และถึงกรุงเทพฯ ๑๒ ต.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๓๕ น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังจัดเที่ยวบินอพยพแรงงานไทยเพิ่มเติม ซึ่งเที่ยวต่อไปน่าจะมีขึ้นในวันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๖๖ จำนวน ๘๐ ที่นั่ง

เมื่อวันที่ ๙ ต.ค. ๒๕๖๖ มีผู้แจ้งความประสงค์จะขอขึ้นเครื่องบินอพยพเพื่อเดินทางกลับไทยแล้วจำนวน ๓,๒๒๖ คน

ตามรายงานข่าวจากแหล่งข่าวต่าง ๆ มีประเทศที่เริ่มอพยพคนออกจากอิสราเอลแล้ว ทั้งโดยเครื่องบินทหาร เครื่องบินรัฐบาล เครื่องบินประจำชาติ และเครื่องบินพาณิชย์ ประเทศที่ดำเนินเสร็จสิ้นแล้ว อาทิ กรีซ โรมาเนีย ฮังการี เซอร์เลีย บัลแกเรีย อัลบาเนีย และโคโซโว ประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากไทย ได้แก่ โปแลนด์ บราซิล และชิลี

กระทรวงการต่างประเทศจะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปสนับสนุนการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูตฯ เพิ่มเติมในวันนี้

๔. ข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

เอกอัครราชทูตฯ แสดงความเสียใจกับผู้ประสบความสูญเสียและญาติพี่น้อง สอท. มิได้นิ่งนอนใจ ระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยทุกคนในอิสราเอล แต่โดยที่ขณะนี้เป็นภาวะสงครามและทางการอิสราเอลมีการแบ่งโซนพื้นที่ตามระดับความอันตราย โดยเฉพาะบริเวณใกล้ฉนวนกาซา ดังนั้น ทางการอิสราเอลจึงสามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ทีละโซนพื้นที่

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดให้มีการลงทะเบียนผู้แสดงความประสงค์กลับไทยและได้มีโทรศัพท์ Hotline ให้ติดต่อ ซึ่งมีสายเข้ามาตลอดเวลา จึงจะเพิ่มคู่สายให้อีก สำหรับการอพยพจำเป็นจะต้องจัดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดได้เดินทางก่อน

สำหรับการอพยพครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๑๑ ต.ค. ๒๕๖๖ แรงงานไทย ๑๕ คนจะมีรถสถานเอกอัครราชทูตฯ ไปรับส่วนหนึ่งและนายจ้างพามาส่งส่วนหนึ่ง โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะเตรียมให้บริการออกเอกสารการเดินทางให้แรงงานที่ท่าอากาศยานในกรุงเทลอาวีฟด้วย กรณีหนังสือเดินทางสูญหาย

สำหรับการอพยพครั้งต่อไป ในวันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๖๖ จำนวน ๘๐ ที่นั่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างการติดต่อกลับทุกคนที่ลงทะเบียนแสดงความประสงค์จะกลับไทย เพื่อขอข้อมูลในการสำรองบัตรโดยสารและเตรียมการที่เกี่ยวข้อง

ในเรื่องของตัวประกัน ทุกฝ่ายมิได้นิ่งนอนใจ ประสานอย่างต่อเนื่อง มีคนอิสราเอลและคนชาติต่าง ๆ ถูกจับ ทางการอิสราเอลยืนยันจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม

สถานเอกอัครราชทูตฯ ดูแลทั้งแรงงานถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย สำหรับข่าวที่ว่า มีการบังคับให้แรงงานทำงานทั้งที่สถานการณ์ยังตึงเครียด หรือขายแรงงานต่อให้นายจ้าง เอกอัครราชทูตฯ ได้ติดต่อทางการอิสราเอลแล้ว เข้าใจว่า เป็นการย้ายงานจากพื้นที่เสี่ยงภัยมาทำงานในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งฝ่ายอิสราเอลให้เข้าใจว่าควรต้องมีช่วงพัก เนื่องจากได้รับความกดดันจากสถานการณ์

ต่อข้อซักถามว่า มีแผนจะดำเนินการอย่างไรต่อร่างผู้เสียชีวิต เอกอัครราชทูตฯ แจ้งว่า ทางการอิสราเอลให้ความสำคัญกับการดำเนินการดูแลความปลอดภัยของสถานการณ์ก่อน และตามปกติ กระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตใช้เวลามาก แต่จะเป็นประโยชน์ต่อการที่ทางการอิสราเอลจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้วยดีต่อไป

ช่องทางติดต่อ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หมายเลขโทรศัพท์ +972 546368150

Call center กรมการกงสุล หมายเลขโทรศัพท์ 02 5728442 (ตลอด 24 ชม.)

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 064-019-8530 064-019-8907 099-616-4786 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02 5751047-51 02 575 1053 (ในวันเวลาราชการ)

Line Openchat ชื่อ ?ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล?

Facebook Page เฉพาะกิจชื่อ ?กรมการกงสุลห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล? แจ้งข้อมูลข่าวสาร

กองการสื่อมวลชน

กรมสารนิเทศ

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ