รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 31 มกราคม 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 31, 2012 12:30 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 31 มกราคม 2555

Summary:

1. สอท. ชี้โรงงาน สิ่งทอฯ เริ่มแห่ย้ายฐานผลิตซบเพื่อนบ้าน

2. "บัตรเครดิตชาวนา" ดีเดย์ ก.พ.นี้ เฟสแรกแจก 5 พันใบ นำร่อง 5 จังหวัด

3. ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลงในอินเดีย เหตุเศรษฐกิจโลกเปราะบางและดอกเบี้ยสูง

Highlight:
1. สอท. ชี้โรงงาน สิ่งทอฯ เริ่มแห่ย้ายฐานผลิตซบเพื่อนบ้าน
  • นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น อาทิ อุตสาหกรรมรองเท้า, สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มมากกว่า 60 บริษัท ได้ย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เวียดนาม ลาว และกัมพูชา เร็วขึ้น หลังที่ประเทศไทยมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน ค่าแรงต่ำกว่ามากราว 4-8 เท่าตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอที่มีแนวโน้มย้ายฐานการลงทุนไปพม่า
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคอุตสาหกรรมมีความสาคัญต่อขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.0 ของ GDP Growth ซึ่งหากว่ากลุ่มอุตสากรรมสิ่งทอมีการย้ายฐานการการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยสาเหตุของการย้ายฐานการผลิต เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการรักษาระดับต้นทุนการผลิตไม่ให้สูงไปกว่าเดิม ซึ่งพม่าเป็นประเทศที่มีต้นทุนด้านค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ โดยต่ำกว่าไทยประมาณ 3-4 ทาให้สามารถดึงดูดอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นเข้าไปลงทุนมากขึ้น ประกอบกับไทยมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่าเป็น 300 บาทต่อวัน อาจจะทำให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนฐานการลงทุนเพื่อลดต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ตามไทยยังมีข้อได้เปรียบทางด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์กว่าประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างมาก
2. "บัตรเครดิตชาวนา" ดีเดย์ ก.พ.นี้ เฟสแรกแจก 5 พันใบ นำร่อง 5 จังหวัด
  • รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการบัตรเครดิตชาวนา โดยยืนยันว่าโครงการดังกล่าวใกล้ดาเนินการเสร็จแล้ว และเกษตรกรที่อยู่ในระหว่างการพักชำระหนี้ ก็จะได้รับสิทธิ์การใช้บัตรเครดิตเกษตรกรเช่นเดียวกัน ทั้งนี้พร้อมนาร่องเฟสแรกแจก 5 พันใบ ใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ อุดรธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ใช้เม็ดเงินลงทุน 2-3 หมื่นล้าน และคาดว่าจะแจกครบ 2 ล้านใบในปี 56 พร้อมให้ กขช. เตรียมถกกรอบรับจานาข้าวรอบใหม่หลังการรับจานาข้าวนาปี 2554/2555 จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 นี้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า โครงการบัตรเครดิตเกษตรกรจะทาให้เกษตรที่ประสบปัญหาความยากจนและหนี้สินในครัวเรือน สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (working capital) สำหรับการจัดหาปัจจัยการผลิตทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย สารเคมี และยาปราบศัตรูพืชได้ โดยไม่จาเป็นต้องพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบเหมือนแต่ก่อน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตผลผลิตทางการเกษตรลง เมื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายจะทำให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวสูงขึ้น โดยสศค.คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในปี 2555 จะขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 3.8
3. ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลงในอินเดีย เหตุเศรษฐกิจโลกเปราะบางและดอกเบี้ยสูง
  • สภาอุตสาหกรรมอินเดียเปิดเผยในรายงานแนวโน้มธุรกิจว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของอินเดียในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2554-2555 ปรับตัวลดลงร้อยละ 5 มาอยู่ที่ 48.6 จุด จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 53.6 จุด เนื่องจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง สอดคล้องกับยอดขาย ยอดสั่งซื้อใหม่ ปริมาณการผลิต และกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทเอกชนหลายแห่งในอินเดียในช่วงไตรมาส 3 ของงบการเงินปี 2554-2555 ที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันอินเดียมีสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศต่อ GDP เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 24.2 ในปี 45 มาเป็นมากกว่าร้อยละ 45.0 ในปี 54 ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกดังกล่าว (โดยหลายสานักวิจัยชั้นนาของโลก อาทิ World Bank ปรับลด GDP Growth ของเศรษฐกิจโลกในปี 55 เหลือร้อยละ 2.5 สอดคล้องกับ HSBC, CITI, UBS ที่ได้ปรับลดลงระหว่างร้อยละ 2.8-3.2 และมีโอกาสจะปรับลดลงอีกในรอบถัดไป หากวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปยังยืดเยื้อเป็นปีที่ 3) ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของอินเดียปี 54 หดตัวลงอย่างรวดเร็วเหลือร้อยละ 2.1 ต่อปีในไตรมาส 4 จากร้อยละ 46.9 ในไตรมาสก่อนหน้า และทำให้ GDP Growth ของอินเดียช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 54 ขยายตัวเพียงร้อยละ 7.5 ซึ่งต่ากว่าเป้าหมายที่กาหนดไว้ที่ร้อยละ 9.0 ในปีงบประมาณ 54 (ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 1 เม.ย.) ตามแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 11 ของรัฐบาลอินเดีย อย่างไรก็ดี อินเดียเริ่มมีสัญญาณบวกหลายอย่าง ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง โดยเหลือร้อยละ 7.5 ใน ธ.ค.54 และการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Cash reserve ratio) จากร้อยละ 6.0 เหลือร้อยละ 5.5 ของยอดเงินฝาก ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายด้านการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ภายหลังจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงดังกล่าว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ