รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 23, 2012 13:57 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2555

Summary:

1. ครม.ขยายกรอบงบดำเนินการและงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 55

2. สรรพสามิตแจงอัตราภาษีใหม่ยาสูบและสุรา มีผลรายได้รัฐเพิ่ม 1 หมื่นล้าน/ปี

3. วิกฤติยุโรปกระทบยอดส่งออกญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม

Highlight:
1. ครม.ขยายกรอบงบดาเนินการและงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 55
  • เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 55 ที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบการขยายกรอบวงเงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจาปีงบประมาณ 55 เพิ่มเติมอีก 1.4 แสนล้านบาท โดยมีวงเงินดาเนินการ จากจานวน 8.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 9.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 5.4 แสนล้านบาท เป็น 5.8 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 4 หมื่นล้านบาท หลังจากรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่ใช้งบลงทุน ตามแผนที่สาคัญ เช่น บมจ. ปตท. บมจ. ท่าอากาศยานไทย บมจ. การบินไทย เป็นต้น อาจมีความจาเป็นต้องขออนุมัติงบดาเนินการและเบิกจ่ายงบลงทุนเพิ่มเติมในระยะเวลาที่เหลืออยู่ ทาให้ต้องขออนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม
  • สศค. วิเคราะห์ว่า รายจ่ายลงทุนตาม งปม.55 เท่ากับ 4.4 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.7 ของ GDP ขณะที่งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจเท่ากับ 5.8 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.9 ของ GDP จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การลงทุนของรัฐวิสาหกิจมีความสาคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในระยะยาว และลดความเหลื่อมล้าของสังคม อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องบูรณาการการลงทุน ประกอบกับต้องจัดลาดับความสาคัญของการลงทุน เนื่องจากข้อจากัดของ งปม. และเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทั้งนี้ จากการประเมินโดยแบบจาลองเศรษฐกิจมหภาคของ สศค. พบว่า หากภาครัฐสามารถเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้ทุกๆ 100,000 ล้านบาท จะส่งผลดีต่อ GDP เพิ่มขึ้นได้อีกร้อยละ 0.4 จากกรณีฐาน
2. สรรพสามิตแจงอัตราภาษีใหม่ยาสูบและสุรา มีผลรายได้รัฐเพิ่ม 1 หมื่นล้าน/ปี
  • อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับ ขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบสุรา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป สาหรับภาษีสรรพสามิตยาสูบมีการปรับเพิ่มอัตราค่าแสตมป์ยาเส้นยาสูบและ อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประเภทต่างๆ โดยราคาขายปลีกยาสูบปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3-14 บาท/ซอง นอกจากนี้ ยังมีการปรับขึ้นอัตราภาษีสุรากลั่น ชนิดสุราขาว ชนิดสุราผสม และชนิดสุราพิเศษประเภทบรั่นดี รวมถึงค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการบริโภคสุราของประชาชน
  • สศค.วิเคราะห์ว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบและสุรา ถือเป็นการปรับอัตราภาษีใหม่เนื่องจากเป็นอัตราภาษีเดิมมีผลบังคับใช้บังคับมานานและเป็นอัตราที่ไม่สอดคล้องกับภาวะทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ค่าเงินในปัจจุบัน สาหรับยาเส้นยาสูบได้มีการปรับอัตราภาษีใหม่จากเดิมที่อัตรา 0.01 บาท/10 กรัม เป็น 0.01 บาท/กรัม ในขณะที่สุรากลั่น ชนิดสุราขาว ชนิดสุราผสม และชนิดสุราพิเศษประเภทบรั่นดี ก็ได้มีการปรับอัตราภาษีใหม่เช่นเดียวกันตัวอย่างเช่น สุราขาว เดิมที่อัตรา 120 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็น 150 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ รวมถึงมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตต่างๆ ให้มีความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการบริโภคสุราของประชาชน รวมถึงเพื่อลดจานวนสถานที่ขายสุราและยาสูบให้น้อยลง อันจะช่วยให้การเข้าถึงสุรายาสูบของเยาวชนและประชาชนเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบ สุรา และค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะทาให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
3. วิกฤติยุโรปกระทบยอดส่งออกญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม
  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกเดือนกรกฎาคมลดลงร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเหลือ 5.313 ล้านล้านเยน ซึ่งถือว่าลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้ที่ระดับร้อยละ 2.9 ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกไปตลาดยุโรปลดลงมากถึงร้อยละ 25.1 หรือมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ มูลค่าการส่งออกไปจีนลดลงร้อยละ 11.9 ซึ่งทาให้เกิดความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบางในญี่ปุ่นอาจหยุดชะงัก ด้านมูลค่าการนาเข้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เป็น 5.831 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ญี่ปุ่นกลับมาขาดดุลการค้าอีกครั้งที่ระดับ 5.174 แสนล้านเยนในเดือนกรกฎาคม หลังจากเกินดุลการค้าประมาณ 6 หมื่น 3 ร้อยล้านเยน เมื่อเดือนมิถุนายน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ข้อมูลมูลค่าการส่งออกล่าสุดของญี่ปุ่นนี้ได้เพิ่มความวิตกว่าอุปสงค์ในต่างประเทศสาหรับสินค้าของญี่ปุ่นอาจจะยังไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นก่อนที่ความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายภายในประเทศซึ่งได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูบูรณะประเทศหลังเหตุแผ่นดินไหวในปีที่ผ่านมานั้นจะเริ่มชะลอตัวลง โดยการส่งออกของญี่ปุ่นอ่อนแอลงตามเกาหลีใต้และไต้หวัน ซึ่งเป็นสองประเทศที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก ซึ่งตอกย้าความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกของประเทศจีนเดือนกรกฎาคม 55 ขยายตัวแค่ร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถือเป็นการขยายตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.3 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 55 จะขยายตัวร้อยละ 2.2 (คาดการณ์ ณ เดือนมิถุนายน 55)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ