รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 13, 2012 11:41 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2555

Summary:

1. ม.หอการค้าไทย คาดตัวเลขนักท่องเทียวปี 56 แตะ 22.4-22.6 ล้านคน

2. ส.อ.ท. ปั้นนวัตกรรม SMEs ต่อยอดธุรกิจจริง

3. รมว.คลังยูโรโซนประชุมร่วมกันมุ่งหารืออนาคตกรีซ

Highlight:

1. หอการค้าไทย คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวปี 56 แตะ 22.4-22.6 ล้านคน หนุนรายได้เข้าประเทศ 1 ล้านล้านบาท
  • ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงไตรมาส 4/2555 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยจะอยู่ที่ประมาณ 20.6 ล้านบาท มีรายได้เข้ามาประมาณ 8 แสนล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 22.4-22.6 ล้านคน โดยจะมีรายได้เข้ามาในประเทศประมาณ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ให้ขยายตัวประมาณร้อยละ 4.5-5.0 เมื่อเทียบกับปีนี้
  • สศค. วิเคราะห์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 55 สามารถกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้งหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในช่วงปลายปี 54 ถึงแม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 55 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 1.7 ล้านคน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 18.5 นำโดยนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ทั้งนี้ สศค. คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 55 และ 56 จะอยู่ที่ 21.4 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 11.3 และ 23.0 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 7.5 ตามลำดับ
2. ส.อ.ท. ปั้นนวัตกรรม SMEs ต่อยอดธุรกิจจริง
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. บอกว่า จากการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการ SME พบว่า มีธุรกิจ SME จำนวน 37 โครงการจาก 277 โครงการ สามารถนำนวัตกรรมไปประกอบธุรกิจได้จริง ซึ่ง ส.อ.ท. เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มการลงทุนในธุรกิจด้านนวัตกรรมได้ถึง 3 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ธุรกิจ SMEs มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยได้สร้างผลผลิตมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศมากถึงร้อยละ 40.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และก่อให้เกิดการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77.9 ของการจ้างงานรวมแต่จากเหตุการณ์อุทกภัยในปลายปี 54 ส่งผลให้ธุรกิจ SMEs ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทำให้ธุรกิจ SMEs หลายบริษัทต้องปิดกิจการลง ซึ่งการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับผู้ประกอบการจะเป็นการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ SMEs และเป็นการสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 58 นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนที่แท้จริงอีกด้วย ทั้งนี้ สศค.คาดว่า ในปี 55 การลงทุนภาคเอกชนที่แท้จริงจะขยายตัวที่ร้อยละ 14.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 13.6 - 14.6 คาดการณ์ ณ ก.ย. 55)
3. รมว.คลังยูโรโซนประชุมร่วมกันมุ่งหารืออนาคตกรีซ
  • รัฐมนตรีคลังจากประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 17 ประเทศเตรียมประชุมร่วมกันที่กรุงบรัสเซลส์ เกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ ซึ่งหวังว่าจะได้รับอนุมัติเงินกู้งวดใหม่วงเงิน 3.15 หมื่นล้านยูโร เพื่อนำไปชำระคืนพันธบัตรซึ่งครบกำหนดในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ เจ้าหนี้ของกรีซ หรือ ทรอยก้า (ประกอบไปด้วย IMF ECB และ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC)) มีกำหนดที่จะนำเสนอรายงานเกี่ยวกับกรีซให้แก่บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซน โดยการลงมติงบประมาณครั้งนี้ มีขึ้นหลังการอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปครั้งใหม่จำนวน 1.35 หมื่นล้านยูโร (1.71 หมื่นล้านดอลลาร์) สำหรับปี 2556-2557 ในการอภิปรายเมื่อพฤหัสบดีที่ผ่านมา
  • สศค. วิเคราะห์ว่า แผนรัดเข็มขัดรอบใหม่ของกรีซดังกล่าว ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการขอความช่วยเหลือเงินกู้ มูลค่า3.15 หมื่นล้านยูโร ก่อนที่เงินคงคลังของกรีซจะหมดลงภายในวันที่16 พ.ย. นี้ ดังนั้น กรีซจำเป็นต้องบรรลุข้อตกลงกับทรอยกา เรื่องมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อที่กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว อย่างไรก็ดี มาตรการรัดเข็มขัดดังกล่าวอาจส่งผลให้กรีซเผชิญความเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจทวีความถดถอยลง และซ้ำเติมให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นได้ (โดยนับจากต้นปี55 เศรษฐกิจกรีซมีการหดตัวเฉลี่ยร้อยละ -6.2 และณ ปัจจุบัน อัตราการว่างงานกรีซพุ่งขึ้นสู่ร้อยละ25.4 โดยมีคนตกงานมากถึง1.2 ล้านคน)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ