Executive Summary
- ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือน ส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 2.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -6.1
- นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยเดือน ส.ค.57 หดตัวร้อยละ -11.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ค. 57 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.26 ล้านล้านบาท
- หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 46.9 ของ GDP
- อัตราการว่างงานเดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 0.7 ของกำลังแรงงานรวม
- GDP ญี่ปุ่น ในไตรมาสที่ 2 ปี 57 หดตัวร้อยละ -0.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
- GDP สหภาพยุโรป ไตรมาสที่ 2 ปี 57 ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- อัตราว่างงานสหรัฐฯ เดือน ส.ค. 57 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 6.1 ของกำลังแรงงานรวม
- การส่งออกจีน เดือน ส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 9.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่การนำเข้า หดตัวร้อยละ -2.1
- อัตราว่างงานเกาหลีใต้ เดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ของกำลังแรงงานรวม ขณะที่อัตราว่างงานออสเตรเลีย เดือน ส.ค. ญ 57 ลดลงมาที่ร้อยละ 6.1 ของกำลังแรงงานรวม
Indicator next week
Indicators Forecast Previous Aug : TISI (Index) 91.5 89.7
- เนื่องจากผู้ประกอบการมีระดับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนเรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ ของภาครัฐมีทิศทางชัดเจน รวมถึงกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ที่คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ภายหลังจากมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศขยายตัวได้ต่อเนื่องและจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตต่อไป
- ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.5 ตามการลดลงของผลผลิตข้าว ที่ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปี ทำให้เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 สอดคล้องกับผลผลิตมันสำปะหลัง ที่หดตัวลง เนื่องจากมีการเร่งเก็บเกี่ยวไปแล้วในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ผลผลิตข้าวโพด ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามพื้นที่เก็บเกี่ยวที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะสุกรและไก่เนื้อ จากความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องและไม่มีรายงานสถานการณ์โรคระบาด ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 57 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ในเดือนส.ค. 57 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -6.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -5.2 ตามราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากอุปทานทั้งในประเทศและตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์ค่อนข้างทรงตัว สอดคล้องกับราคาข้าวเปลือกที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน ตามอุปทานในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตหลักอย่างเวียดนามและอินเดีย อย่างไรก็ดี ราคาผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 7.8 ตามอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาผลผลิตกุ้งขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 8.5 จากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 5.7 ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 57 ดัชนีราคาสินค้าเกษตรหดตัวร้อยละ -4.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยเดือนส.ค. 57 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.08 ล้านคน หดตัวร้อยละ -11.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ขยายตัวร้อยละ 2.1 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังหักผลทางฤดูกาล (m-o-m SA) โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มแอฟริกาใต้ขยายตัวร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวในกลุ่มอื่นๆ ยังคงหดตัว เช่น อาเซียน เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ยุโรป ที่หดตัวร้อยละ -21.6 -10.8 และ -3.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ
- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ค. 57 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.26 ล้านล้านบาท โดยสินเชื่อขยายตัวชะลอลงต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการชะลอลงของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่ภาคธุรกิจ สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว และการที่ธนาคารพาณิชย์ยังคงรักษามาตรฐานการปล่อยสินเชื่อให้เข้มงวดเพื่อรอดูความชัดเจนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เงินฝากขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ชะลอลง ทั้งนี้ คาดว่าสถาบันการเงินจะระดมทุนผ่านเงินฝากเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการสินเชื่อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่คาดว่าปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 57
- หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ค. 57 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,662.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 7.2 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46.9 ของ GDP ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะที่สำคัญเกิดจากหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นสุทธิ 2.1 พันล้านบาท โดยมีรายการสำคัญจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตรจำนวน 3.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ สถานะหนี้สาธารณะของไทยถือว่ามีความมั่นคง สะท้อนได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60 ของ GDP และหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว (ร้อยละ 97.4 ของยอดหนี้สาธารณะ) และเป็นสกุลเงินบาท (ร้อยละ 93.3 ของยอดหนี้สาธารณะ)
- การจ้างงานเดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ 38.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 1.7 แสนคน หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบปี โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเป็นสำคัญ โดยสาขาที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และการซ่อมจักรยานยนต์มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 4.0 แสนคน รองลงมาคือ สาขาการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.7 แสนคน ในขณะที่การจ้างงานภาคเกษตรกรรมยังคงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้การจ้างงานในช่วง 8 เดือนของปี 57 ยังคงหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -0.7 ทั้งนี้ อัตราการว่างงานเดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 0.7 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 2.87 แสนคน
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค. 57 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 91.5 จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 89.7 เนื่องจากผู้ประกอบการมีระดับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนเรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ ของภาครัฐมีทิศทางชัดเจน รวมถึงกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ที่คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ภายหลังจากมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศขยายตัวได้ต่อเนื่องและจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตต่อไป
Global Economic Indicators: This Week
การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ส.ค. 57 ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 142 พันตำแหน่ง ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมาจากภาคบริการทางธุรกิจและวิชาการ และภาคบริการสุขภาพเป็นสำคัญ ขณะที่การจ้างงานในภาคการค้าปลีกปรับลดลง 8 พันตำแหน่ง เนื่องจากการจ้างงานในร้านขายอาหารและเครื่องดื่มที่ลดลง ผลส่วนหนึ่งจากการประท้วงหยุดงานของซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อมาร์เก็ตบาสเก็ต จำนวน 25,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงาน เดือน ส.ค. 57 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 6.1 ของกำลังแรงงานรวม โดยอัตราการว่างงานแบบไม่เต็มเวลาที่ปรับลดลง ในขณะที่อัตราการว่างงานของการจ้างงานเต็มเวลาปรับสูงขึ้น เนื่องจากแรงงานไม่สามารถหางานเต็มเวลาได้
มูลค่าการส่งออก เดือน ส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 9.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ 14.5 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน ด้านมูลค่าการนำเข้า เดือน ส.ค. 57 หดตัวร้อยละ -2.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากที่หดตัวร้อยละ -1.5 ในเดือนก่อนหน้า มูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวในอัตราสูง ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน ส.ค. 57 เกินดุลเพิ่มขึ้นที่ 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนที่ยังคงผันผวนและการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจน อัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ลดลงจากร้อยละ 2.3 ในเดือนก่อนหน้า และชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากราคาสินค้าหมวดอาหารที่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงเป็นสำคัญ
GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 57 (ตัวเลขปรับปรุง) หดตัวร้อยละ -0.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือหดตัวเร่งขึ้นจากตัวเลขเบื้องต้นเล็กน้อยที่ร้อยละ -1.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (ขจัดปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ผลจากการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงมากจากไตรมาสก่อนหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ระดับ 41.4 จุด ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 41.8 จุดในเดือนก่อนหน้า แต่ยังคงอยู่ในระดับเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 57 สะท้อนมุมมองของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่ยังคงเป็นบวกต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ
GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 57(ตัวเลขปรับปรุง) ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือไม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ตามเศรษฐกิจของประเทศหลัก โดยเฉพาะเยอรมนีและอิตาลีที่หดตัว นอกจากนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังเปราะบาง จากอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง และความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด อาจส่งผลลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในได้
อัตราว่างงาน เดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ของกำลังแรงงานรวม จากการจ้างงานภาคเกษตรและประมงที่ลดลงเป็นสำคัญ
ยอดค้าปลีก เดือน ส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 18.6 จากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่หดตัว ร้อยละ -18.6
มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 0.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 7.9 จากการส่งออกไปจีนที่กลับมาหดตัวอีกครั้งที่ร้อยละ -14.4 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าหดตัวร้อยละ -0.7 ลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 8.9 จากการนำเข้าสินค้าทุนที่หดตัวร้อยละ -17.9 ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน ก.ค. 57 เกินดุล 3.6 พันล้านริงกิต ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 0.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากการผลิตในทุกภาคส่วนที่ขยายตัวชะลอลงจนถึงหดตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหมืองแร่ที่หดตัวร้อยละ -7.9
มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 12.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 21.3 จากการส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์ที่หดตัว ร้อยละ -26.5 เป็นสำคัญ ส่วนอัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน คงที่จากเดือนก่อน จากราคาสินค้าในแต่ละหมวดที่เริ่มทรงตัว
มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 57 หดตัวร้อยละ -18.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ด้านมูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 57 กลับมาขยายตัวร้อยละ 6.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากหดตัวต่อเนื่องในช่วง 5 เดือนก่อน ส่งผลให้ดุลการค้า เดือน ก.ค. 57 ขาดดุล 1.3 หมื่นล้านปอนด์ ขาดดุลในระดับสูงที่สุดในรอบ 21 เดือน ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าวันที่ 18 ก.ย. 57 จะมีการลงประชามติของชาวสก็อตแลนด์ เพื่อตัดสินใจว่าจะแยกตัวจากสหราชอาณาจักรและตั้งเป็นรัฐเอกราชใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะต้องจับตามองเพราะการตัดสินใจนี้มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจในอนาคต
มูลค่าการส่งออก เดือน ส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 9.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการส่งออกสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวเร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังจีนและสหรัฐฯ เพื่อตอบรับการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 ในเดือน ก.ย. 57 เป็นสำคัญ มูลค่าการนำเข้า เดือน ส.ค. 57 ขยายตัวร้อยละ 14.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ดุลการค้า เดือน ส.ค. 57 เกินดุล 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านอัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากราคาสินค้าหมวดอาหารที่เร่งขึ้นเป็นสำคัญ
อัตราว่างงาน เดือน ส.ค. 57 ลดลงมาที่ร้อยละ 6.1 ของกำลังแรงงานรวม เนื่องจากการจ้างงานแบบไม่เต็มเวลาเพิ่มขึ้นมากถึง 1.1 แสนตำแหน่งเป็นสำคัญแม้ว่าแรงงานในกำลังแรงงานจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 64.8 ของประชากรวัยทำงานในเดือนก่อน มาอยู่ที่ ร้อยละ 65.2 ก็ตาม
- ดัชนี SET ปรับลดลงเล็กน้อยต่อเนื่อง โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ใกล้เคียงกับระดับ 1,583 จุด และมาปิดที่ 1580.87 จุด เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 57 ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 57,284 ล้านบาท โดยมีแรงขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ นักลงทุนสถาบันในประเทศ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ เนื่องจากการขายทำกำไรเพื่อปรับฐานของนักลงทุน และตลาดยังคงจับตามองผลการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกและคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8 - 11 ก.ย. 57 นักลงทุนต่างชาติขายหลักทรัพย์สุทธิ 2,107.31 ล้านบาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 5 ปีขึ้น ปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อน โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ในการซื้อขาย และตลาดยังคงมีความกังวลว่า Fed จะประกาศลดขนาด QE ลงอีกในประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. 57 นี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8 - 11 ก.ย. 57 นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 2,268.4 ล้านบาท (ไม่รวมพันธบัตร ธปท.)
- ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดย ณ วันที่ 11 ก.ย. 57 ค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 32.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงร้อยละ 0.45 จากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากดัชนีค่าเงินเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่านี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินทุกสกุล ยกเว้นเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าน้อยกว่าค่าเงินสกุลอื่นๆ โดยเฉลี่ย ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในสัปดาห์นี้แข็งค่าร้อยละ 0.21 จากสัปดาห์ก่อน
- ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากต้นสัปดาห์ โดยราคาทองคำ ณ วันที่ 11 ก.ย. 57 ปิดที่ 1,240.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งต่ำกว่าต้นสัปดาห์ที่ปิดที่ 1,255.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3253 : www.fpo.go.th