เอกสารแนบ
“เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 สะท้อนสัญญาณดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะการใช้จ่ายภายในประเทศที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากมาตรการภาครัฐ และการใช้จ่ายรัฐบาลที่เร่งขึ้น แม้ว่าอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าหดตัวลง สำหรับเศรษฐกิจด้านอุปทานปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก และภาคการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”
1. การบริโภคภาคเอกชนยังมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนมิถุนายน 2559 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.5 ต่อปี และเมื่อปรับผล
ทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 6.8 ต่อเดือน จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการใช้จ่ายภายในประเทศที่ขยายตัวร้อยละ 8.8 ต่อปี และการจัดเก็บภาษี
มูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 2.9 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวร้อยละ 3.7 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA)
พบว่า ขยายตัวร้อยละ 3.1 ต่อไตรมาส สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน 2559 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.2 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA)
พบว่า ขยายตัวร้อยละ 3.0 ต่อเดือน โดยเป็นการขยายตัวได้ดีทั้งในเขตกรุงเทพมหานครที่ขยายตัวร้อยละ 5.3 ต่อปี และในเขตภูมิภาคที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี ทำให้ในไตรมาส
ที่ 2 ปี 2559 ปริมาณรถจักรยานยนต์ขยายตัวร้อยละ 7.9 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.6 ต่อไตรมาส สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค
ส่วนใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนมิถุนายน 2559 กลับมาหดตัวที่ร้อยละ -0.2 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 รายได้เกษตรกรที่แท้จริงกลับมาขยายตัว
ร้อยละ 2.2 ต่อปี สำหรับปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือนมิถุนายน 2559 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.4 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ
1.4 ต่อเดือน ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปี อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมใน
เดือนมิถุนายน 2559 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 60.6 สะท้อนถึงความกังวลจากสถานการณ์การลงประชามติออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ที่อาจส่งผล
กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดโลก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการ
สถานการณ์การส่งออกของไทย
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน 2558 2558 2559 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 เม.ย. พ.ค. มิ.ย. YTD ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ (%yoy) 1 1 1.7 -0.7 2.1 0.1 3.7 2.9 1.6 6.5 1.9 %qoq_SA / %mom_SA 1.1 -0.6 -1.1 2.6 -0.7 3.1 1.4 -2.2 6.8 ปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (%yoy) 2.2 10.8 2 1.5 -4.4 3.6 3.4 -1.4 8.4 3.4 3.5 %qoq_SA / %mom_SA -1.4 -2.9 -0.3 -0.3 7.4 -3.1 -17 4.7 1.4 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง (%yoy) -19.1 -12.5 -27.3 -24.9 -11.7 -26.6 -1.9* -11.9 8.3 n.a. -17.4 %qoq_SA / %mom_SA -2.2 -14.6 -4.8 10.1 -17.5 - 6.3 13.6 - ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ (%yoy) -0.2 10.9 -2.9 -10.6 2.3 -3.3 7.9 2.9 14.8 5.2 2 %qoq_SA / %mom_SA 9.7 -12.2 -2.3 8.7 3.1 0.6 -18.2 26.9 3 รายได้เกษตรกรที่แท้จริง (สศค.) -9.3 -4.3 -15.5 -14.9 -5.9 -11 2.2 2.1 4.5 -0.2 -5.5 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 64.7 68.4 64.9 61.8 63.6 64 61.1 61.5 61.1 60. 6 62.3 *ข้อมูล 2M/Q2 2. การลงทุนภาคเอกชนในภาพรวมยังทรงตัว โดยการลงทุนในหมวดก่อสร้างสะท้อนจากสะท้อนจากภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนมิถุนายน 2559 หดตัวร้อยละ -11.5 ต่อปี แต่เมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 32.6 ต่อเดือน ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 11.5 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 2.2 ต่อไตรมาส สำหรับปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือนมิถุนายน 2559 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -3.5 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์หดตัวร้อยละ -1.6 ต่อปี และทางด้านดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนมิถุนายน 2559 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -2.6 ต่อปี โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของดัชนีในหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต (อาทิเช่น เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก-อัดแรง พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรง) ที่ปรับตัวลดลงตามราคาซีเมนต์และเหล็ก เป็นสำคัญ ขณะที่การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -15.4 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปริมาณนำเข้าสินค้าทุนหดตัว ร้อยละ -11.6 ต่อปี ขณะที่เมื่อหักสินค้าพิเศษ (เครื่องบิน เรือ และรถไฟ) พบว่า หดตัวร้อยละ -5.4 ต่อปี ทำให้ไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ปริมาณนำเข้าสินค้าทุนหักสินค้าพิเศษ (เครื่องบิน เรือ และรถไฟ) หดตัวร้อยละ -5.1 ต่อปี
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน 2558 2558 2559 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 เม.ย. พ.ค. มิ.ย. YTD เครื่องชี้การลงทุนก่อสร้าง ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ (%yoy) 8.7 7.3 2.9 -0.5 22.2 6.6 11.5 70.8 -22.2 -11.5 9.1 %qoq_SA / %mom_SA -1.8 -2.9 2.2 24 -13.2 2.2 54.4 -60.5 32.6 ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ (%yoy) -0.4 -2.5 -0.2 -0.7 2.1 3.1 -1.6 0.1 -1.1 -3.5 0.8 %qoq_SA / %mom_SA 0.3 1.8 -1.4 1.3 1.4 -3 -4.2 0.2 -1.1 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง -4.9 -3.7 -4.4 -5.7 -6.6 -5.1 -2.2 -2.6 -1.5 -2.6 -3.7 เครื่องชี้การลงทุนในเครื่องจักร ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ (%yoy) -2.6 -11.3 -17.3 -0.3 17.2 4 19.5* 12.1 26.5 n.a. 9.4 %qoq_SA / %mom_SA -5.2 -6.4 15.6 13.3 -10.7 - -8.1 13.8 - ปริมาณนำเข้าสินค้าทุน (%yoy) -2.2 0.9 2 -10.8 0.2 -1 -11.6 -13.4 -5.4 -15.4 -6.4 %qoq_SA / %mom_SA 0.3 1.2 -6.1 5 -0.6 -9.6 -8.5 0.9 -1.9 ปริมาณนำเข้าสินค้าทุนหักครื่องบิน เรือ และรถไฟ (%yoy) -1.4 0.1 -3.6 -2.3 0.1 0 -5.1 -7.2 -2.5 -5.4 -2.5 %qoq_SA / %mom_SA -1 0.1 0.8 2 -1.1 -5.9 -7.6 0.6 2
*ข้อมูล 2M/Q2 3. การใช้จ่ายของรัฐบาลโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องสะท้อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือนมิถุนายน 2559 สามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 264.8 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 31.5 ต่อปี โดยการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันเบิกจ่ายได้จำนวน 250.8 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 34.4 ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนมา จากรายจ่ายลงทุนที่เบิกจ่ายได้ 39.4 พันล้านบาท ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 31.9 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 (ไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2559) รายจ่ายงบประมาณรวมเบิก จ่ายได้ 677.8 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19.0 ต่อปี ขณะที่การเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันเบิกจ่ายได้จำนวน 638.8 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.7 ต่อปี โดยมีปัจจัย สนับสนุนมาจากรายจ่ายลงทุนที่เบิกจ่ายได้ 101.5 พันล้านบาท ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 31.7 ต่อปี สำหรับการจัดเก็บรายได้รัฐบาล พบว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหัก จัดสรรให้ อปท.) ได้จำนวน 236.1 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -8.1 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 (ไตรมาสที่ 3 ปี งบประมาณ 2559) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ได้จำนวน 715.1 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.6 ต่อปี ขณะที่ดุลเงินงบประมาณในเดือนมิถุนายน 2559 เกินดุลจำนวน 74.2 พันล้านบาท และทำให้ใน ไตรมาสที่ 2 ปี 2559 (ไตรมาสที่ 3 ปี งบประมาณ 2559) ดุลเงินงบประมาณเกินดุลจำนวน 69.3 พันล้านบาท เครื่องชี้ภาคการคลัง FY2558 FY2558 FY 2559 (พันล้านบาท) Q1/ Q2/ Q3/ Q4/ Q1/ Q2/ Q3/ เม.ย. พ.ค. มิ.ย. FYTD FY58 FY58 FY58 FY58 FY59 FY59 FY59 รายได้สุทธิของรัฐบาล 2,207.50 507.5 469.9 652.5 577.5 586.1 492.6 715.1 170.4 308.6 236.1 1,793.60 (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) (%y-o-y) 6.4 0.8 7.5 7.2 9.9 15.5 4.8 9.6 -0.4 37.5 -8.1 10 รายจ่ายรัฐบาลรวม 2,601.40 844.1 617.6 569.6 570.1 890.9 680 677.8 223.6 189.4 264.8 2,248.70 (%y-o-y) 5.7 1.6 11.7 10.7 1.6 5.5 10.1 19 16.8 7.1 31.5 10.7 รายจ่ายปีปัจจุบัน 2,378.10 766.4 557.7 529.4 524.6 807.7 604.2 638.8 211.5 176.5 250.8 2,050.60 (%y-o-y) 5.9 0.7 15.6 11.1 -0.3 5.4 8.3 20.7 18.2 7.6 34.4 10.6 รายจ่ายประจำ 2,106.60 725.1 481 452.3 448.1 739.6 509 537.2 186.3 139.6 211.4 1,785.90 (%y-o-y) 7.4 12.5 7.3 8.1 -0.7 2 5.8 18.8 19.3 0 34.9 7.7 รายจ่ายลงทุน 271.6 41.3 76.7 77.1 76.4 68.1 95.1 101.5 25.2 36.9 39.4 264.7 (%y-o-y) -4.4 -64.6 123.2 32.4 2.1 64.9 24 31.7 10.6 51 31.9 51.9 รายจ่ายปีก่อน 223.3 77.7 59.9 40.1 45.5 83.2 75.8 39 12.1 12.9 14 198 ดุลเงินงบประมาณ -394.4 -347.3 -138.9 89.4 2.3 -306.9 -203.9 69.3 -56.1 51.1 74.2 -441.5
4. ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนมิถุนายน 2559 มีมูลค่า 18.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ -0.1 ต่อปี โดยสินค้าส่งออกที่หดตัวลดลงในเดือนมิถุนายน 2559 มาจากสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เม็ด พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง และอัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ เป็นสำคัญ เนื่องจากภาวการณ์ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นไปอย่างเปราะบาง ประกอบกับ ราคาสินค้าเกษตรและราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์ และส่วนประกอบที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน จากการส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และจีน เป็นหลัก ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มูลค่าการส่งออก สินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 51.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ -4.1 ต่อปี สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐเดือนมิถุนายน 2559 มีมูลค่า 16.2 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ กลับมาหดตัวที่ร้อยละ -10.1 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มูลค่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 47.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ -8.4 ต่อปี ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกสินค้าที่สูงกว่าการนำเข้าสินค้าส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศในเดือนมิถุนายน 2559 เกินดุล 2.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ในไตรมาสที่ 2 ดุลการค้า ระหว่างประเทศเกินดุล 12.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศคู่ค้าหลัก 16 ประเทศ 2558 2558 2559 (สัดส่วนการส่งออกปี 57 >> 58 ) Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 พ.ค. มิ.ย. YTD ส่งออกไปทั้งโลก (%yoy) -5.8 -4.7 -5 -5.3 -8.1 0.9 -4.1 -4.4 -0.1 -1.6 1.สหรัฐฯ (10.5% >> 11.2%) 0.7 5.6 2.6 0.2 -4.9 -3.2 0.6 3.4 4.7 -1.3 2.จีน (11.0% >> 11.1%) -5.4 -14.4 1.2 -1 -6.3 -6.4 -10.3 -12.7 -11.9 -8.4 3.ญี่ปุ่น (9.6% >> 9.4%) -7.7 -9.2 -3.9 -8.2 -9.6 5.7 -7.5 -8.6 -3.8 -0.9 4.สหภาพยุโรป (9.2% >> 9.3%) -5.7 -3.9 -8.4 -4.4 -5.9 -0.5 -1 -2.7 0.9 -0.8 5.มาเลเซีย (5.6% >> 4.8%) -20.2 -14.7 -18.3 -18.7 -28.5 -4.1 -12.9 -16.1 -12.8 -8.5 6.ฮ่องกง (5.6% >> 5.5%) -6.2 -11.5 -9 -2 -1.9 0.6 -8.2 -14.9 2.2 -3.7 7.ตะวันออกกลาง (5.1% >> 4.8%) -10 -6.4 -23.7 -6.4 -3 -9.5 -2.5 4.2 -0.9 -6.4 8.ทวีปออสเตรเลีย (4.8% >> 5.3%) 5.3 10.1 7.6 8.4 -3.5 5.5 12.4 7 56 8.9 9.สิงคโปร์ (4.6% >> 4.1%) -16.2 -5.4 0.3 -26.1 -31 22.5 -35.7 -26.3 -49.7 -10.9 10.อินโดนีเซีย (4.2% >> 3.7%) -17.6 -15.4 -20.6 -21 -12.7 8.9 -7.3 -10.6 -16.6 0.8 11.แอฟริกา (3.7% >> 3.2%) -20.2 -14.5 -15.9 -22.1 -27.9 -11.7 -9.8 -6.1 1.4 -10.8 12.เวียดนาม (3.5% >> 4.2%) 13 17.7 16.7 8.3 10.9 3.1 -0.1 5.1 -6.8 1.4 13.ฟิลิปปินส์ (2.6% >> 2.8%) 2.1 7.4 -3.4 -6.4 10.8 15.4 13.5 2.6 21.5 14.5 14.อินเดีย (2.5% >> 2.5%) -5.7 6.1 -4.8 -11.5 -11.8 -9.1 -2.4 0 -0.1 -5.8 15.เกาหลีใต้ (2.0% >> 1.9%) -9.2 0.6 -16.4 -10.7 -8.6 -9.7 -8.3 -7.1 -4.3 -9 16.ไต้หวัน (1.8% >> 1.6%) -12 4.7 -11.5 -15.3 -23.1 -18.1 -1.1 -1.8 1.2 -9.9 PS.อาเซียน-9 (26.1% >> 25.7%) -7.2 -2.5 -5.9 -10.6 -9.3 3.9 -10.4 -8.8 -16.9 -3.5 PS.อาเซียน-5 (17.0% >> 15.3%) -15.1 -9.5 -11.8 -19.5 -19.1 9.1 -38 -14.7 -23 -3.3 PS.อินโดจีน-4 (9.1% >> 10.4%) 7.7 10.5 5.5 7.2 7.9 -4 -3.5 1 -6.8 -3.8
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค จะพบว่าประเทศต่าง ๆ มีการหดตัวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบในช่วง 6 เดือน แรกของปี 2559 พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยที่มีการหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -1.6 ต่อปี ซึ่งเป็นการหดตัวน้อยกว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
5. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานปรับตัวดีขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกและภาคการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนมิถุนายน 2559 อยู่ที่ระดับ 108.9 หรือขยายตัวร้อยละ 0.8 ต่อปี โดยการขยายตัวมาจากการผลิตในหมวดเครื่องปรับอากาศ ยานยนต์ และเคมีภัณฑ์ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.5 ต่อไตรมาส โดยการขยายตัวมาจากการผลิตในหมวดยานยนต์ที่มีการผลิตเพื่อตอบสนองการจำหน่ายในประเทศและการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น และหมวดเครื่อง ปรับอากาศ และผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2559 มีจำนวน 2.43 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 7.2 ต่อปี และเมื่อ ปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า หดตัวร้อยละ -1.8 ต่อเดือน ส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานจากเดือนรอมฏอลที่เหลื่อมเดือนเร็วขึ้นจากปีก่อน ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิมชะลอ การเดินทาง อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวยังคงขยายตัวได้ดีจาก จีน กลุ่มประเทศ CLMV เกาหลี อินเดีย ฮ่องกง รัสเซีย และสหรัฐเมริกา เป็นหลัก ส่งผลให้ ไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งสิ้น 7.55 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 8.2 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.5 ต่อไตรมาส สำหรับดัชนี ผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนมิถุนายน 2559 กลับมาหดตัวที่ร้อยละ -2.0 ต่อปี โดยเป็นหดตัวในหมวดพืชผลสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือก ยางพารา ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน และกลุ่มไม้ผล เป็นสำคัญ ขณะที่ในหมวดปศุสัตว์ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีสถานการณ์โรคระบาด ประกอบกับมีความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ดัชนีผลผลิตสินค้า เกษตรหดตัวร้อยละ -1.2 ต่อปี โดยเป็นการหดตัวจากผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญเป็นหลักโดยเฉพาะผลผลิตข้าวเปลือกและปาล์มน้ำมัน ตามปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลให้เกษตรกรบางส่วนปรับ เปลี่ยนไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยชนิดอื่นแทน นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือนมิถุนายน 2559 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 85.3 โดยได้รับปัจจัยจากความกังวล ของผู้ประกอบการ ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศที่ยังมีความเปราะบาง ตลอดจนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนภายหลังผลการลงประชามติของสหราชอาณาจักรที่สนับสนุนการ ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นสำคัญ
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน 2558 2558 2559 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 เม.ย. พ.ค. มิ.ย. YTD ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม (%yoy) -4.3 2.3 -11.6 -11.6 -0.2 -5.7 -1.2 -1.8 0.1 -2 -3.8 %qoq_SA / %mom_SA 3.2 -10.9 1 6.8 -2.2 -5.5 2.2 1.7 -1.1 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (ร้อยละ) 85.8 89.2 85.2 82.7 86 86 85.6 85 86.4 85.3 85.8 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 0.3 0.4 -0.3 0.9 0.3 -0.9 1.5 0.9 2.7 0.8 0.2 %qoq_SA / %mom_SA 0.5 -1.9 0.9 0.7 0 0.5 -0.5 0.1 -1.1 นักท่องเที่ยวต่างชาติ (%yoy) 20.4 22.8 36.9 24.9 3.7 15.5 8.2 9.8 7.6 7.2 12 %qoq_SA / %mom_SA 3 8.2 -1.7 -5.7 15.4 1.2 -0.5 0 -1.8
6. เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2559 อยู่ที่ร้อยละ 0.38 กลับมาเป็นบวกเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับปัจจัยจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารสด และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น เนื้อสัตว์ สัตว์น้ำ ไข่ ผลิตภัณฑ์นม น้ำอัดลม เป็นต้น ประกอบกับสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมายังคงเป็นปัจจัยผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวสูงขึ้นขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ต่อปี ทรงตัวจาก เดือนก่อนหน้า ทำให้ใน ไตรมาสที่ 2 ปี 2559 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวร้อยละ 0.3 และ 0.8 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับอัตราการว่างงานในเดือน มิถุนายน 2559 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นผู้ว่างงาน 3.9 แสนคน ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นผู้ว่างงาน 4.1 แสนคน ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2559 อยู่ที่ระดับร้อยละ 43.4 ถือว่ายังอยู่ภายใต้กรอบ ความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่ เกินร้อยละ 60.0 สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 อยู่ที่ 178.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 3.4 เท่าเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น
เครื่องชี้เสถียรภาพเศรษฐกิจ 2558 2558 2559 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 เม.ย. พ.ค. มิ.ย. YTD ภายในประเทศ เงินเฟ้อทั่วไป (%yoy) -0.9 -0.5 -1.1 -1.1 -0.9 -0.5 0.3 0.1 0.5 0.4 -0.09 เงินเฟ้อพื้นฐาน (%yoy) 1.1 1.5 1 0.9 0.8 0.7 0.8 0.8 0.8 0.8 0.7 อัตราการว่างงาน (yoy%) 0.9 1 0.9 0.9 0.8 0.9 1.1 1 1.2 1 1 หนี้สาธารณะ/GDP 44.4 43.3 42.7 43.1 44.4 44.1 43.4* 44.1 43.4 - 43.4 ภายนอกประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้าน $) 31.6 8.4 6.1 6.9 10.2 16.6 5.4* 3.2 2.2 - 22 ทุนสำรองทางการ (พันล้าน $) 156.5 156.3 160.3 155.5 156.5 175.1 175.5 178.6 175.5 178.7 178.7 ฐานะสุทธิ Forward (พันล้าน $) 11.7 19.6 18.4 13.3 11.7 13.9 15.6 14.6 15.6 15.7 15.7 ทุนสำรองทางการ/หนี้ ตปท.ระยะสั้น (เท่า) 3 3 2.9 2.9 3.1 3.2 3.4* 3.4 3.4 n.a. 3.4 *ข้อมูล 2 M/Q2 สำหรับมาตรการการเงินการคลังที่กระทรวงการคลังได้ผลักดันตามนโยบายรัฐบาลโดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นมานั้น ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการ ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาและปี 2559 ต่อไป โดยมีความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ ถึง ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2559 สรุปได้ดังนี้ 1. โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โดยการสนับสนุนเงินทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจำนวน 79,556 กองทุน ผ่าน สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กองทุนละไม่เกิน 500,000 บาท ภายในวงเงิน 35,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน เช่น ยุ้งฉางชุมชน โรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงสีชุมชน การจัดหาแหล่งเก็บน้ำชุมชน และเครื่องจักรสำหรับแปรรูปสินค้าเกษตร เป็นต้น และเพื่อการดำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการ ประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ของชุมชนให้ดีขึ้น เป็นสำคัญ โดยสถานะปัจจุบันคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้ออกหลักเกณฑ์ในการดำเนินโครงการแล้ว และได้ อนุมัติโครงการและงบประมาณแล้วจำนวน 61,328 กองทุน เป็นเงินงบประมาณจำนวน 30,592 ล้านบาท และมีการโอนเงินแล้ว 22,944 ล้านบาท 2. โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่หมู่บ้าน หมู่บ้านละไม่เกิน 200,000 บาท กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการโครงการเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559 และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ 3. มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง และมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคเกษตร ได้แก่ 3.1 โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและจำเป็นของเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง วงเงินสินเชื่อ 6,000 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 1 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 0 ในช่วง 6 เดือนแรก และเดือนที่ 7 – 12 ดอกเบี้ยร้อยละ 4 และ จากข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2559 พบว่า เบิกจ่ายเงินกู้แล้ว 1,922 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรจำนวน 162,565 ราย 3.2 โครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย วงเงินสินเชื่อ 72,000 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 10 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 4 ใน 7 ปีแรก และปีที่ 8 - 10 คิดอัตราดอกเบี้ยปกติ และจากข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2559 พบว่า เบิกจ่ายเงินกู้แล้ว 10,046 ล้านบาท ให้กับ SMEs ภาคการเกษตรจำนวน 7,868 ราย 3.3 โครงการชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตสู้วิกฤติภัยแล้ง วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 1 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 และจากข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2559 พบว่า มีการสนับสนุนสินเชื่อไปแล้ว 219 ราย จำนวนเงิน 12.8 ล้านบาท 4. มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนธุรกิจ SMEs ให้สามารถแข่งขันได้ 4.1 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 5 (ปรับปรุงใหม่) (ค้ำประกันไม่เกินร้อยละ 30 ต่อพอร์ต วงเงินค้ำประกัน 100,000 ล้านบาท) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรม ขนาดย่อม (บสย.) มีการค้ำประกันสินเชื่อแล้วจำนวน 82,251 ล้านบาท ให้กับ SMEs จำนวน 20,901 ราย 4.2 มาตรการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านการร่วมลงทุน (Venture Capital วงเงินร่วมทุน 6,000 ล้านบาท) โดยธนาคารออมสิน ได้อนุมัติร่วมลงทุนกับ SMEs ไปแล้วจำนวน 3 ราย วงเงิน 70 ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) อนุมัติหลักการเพื่อร่วมลงทุนแล้ว 7 ราย วงเงิน 92 ล้านบาท 4.3 โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ได้อนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 11,842 ล้านบาท ให้กับ SMEs แล้วจำนวน 3,861 ราย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้มีการค้ำประกันสินเชื่อแล้วจำนวน 10,759 ล้านบาท ให้กับ SMEs แล้ว 3,769 ราย 4.4 โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 (วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 13,500 ล้านบาท รายละไม่เกิน 200,000 บาท ค้ำประกันความเสียหายร้อยละ 30 – 50 โดยมีระยะเวลารับคำขอถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2560) โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้มีการค้ำประกันสินเชื่อแล้ว จำนวน 597 ล้านบาท ให้กับ SMEs แล้ว 5,312 ราย 5. มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 5.1 มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้เปิดรับคำขอตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 และจากข้อมูลล่าสุด ได้มีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว 16,035 ราย วงเงินอนุมัติ 22,211 ล้านบาท 5.2 โครงการบ้านประชารัฐ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยครอบคลุมทั้งผู้มีรายได้ประจำ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และบุคลากร ทางการศึกษา และผู้มีรายได้ไม่แน่นอนหรืออาชีพอิสระ ที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ทั้งนี้ ให้รวมถึงการกู้ซ่อมแซมและ/หรือต่อเติมที่อยู่ อาศัยผ่านการสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยเงื่อนไขผ่อนปรนจากสถาบันการเงินของรัฐ และจากข้อมูลล่าสุดธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้อนุมัติสินเชื่อ Post Finance แล้ว จำนวน 4,776 ราย วงเงิน 4,195 ล้านบาท และธนาคารออมสิน อนุมัติสินเชื่อ Pre Finance แล้ว 2 ราย วงเงิน 65 ล้านบาท และอนุมัติสินเชื่อ Post Finance แล้ว 2,653 ราย วงเงิน 3,163 ล้านบาท ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง