ฉบับที่ 91/2565 วันที่ 23 มิถุนายน 2565
ผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลัง
เอเปค
(APEC Senior Finance Officials? Meeting: APEC SFOM) วันที่ 23 มิถุนายน 2565
ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์
จังหวัดขอนแก่น
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก
กระทรวงการคลัง แถลงว่า ในระหว่างวันที่ 22 ? 23 มิถุนายน 2565
กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลัง
เอเปค (APEC Senior Finance Officials? Meeting: APEC SFOM) ณ
จังหวัดขอนแก่น โดยมีผู้อำนวยการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นประธานการประชุม และมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย สมาชิกเขตเศรษฐกิจ
เอเปคและองค์การระหว่างประเทศ อาทิ องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development: OECD) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) โดยในช่วงเช้าของวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่ประชุมได้หารือในประเด็นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) ซึ่งได้มีการสรุปผลและแถลงข่าวไปเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล (Digitalization for Digital Economy) ในช่วงเย็นของวันที่ 22 มิถุนายน 2565 และประเด็นการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบูสู่การปฏิบัติฉบับใหม่ ในวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ซึ่งการหารือในสองประเด็นหลังมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ผลการหารือในประเด็นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการดำเนินนโยบายการคลังโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งในส่วนของการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ที่ควรเป็นเครื่องมือที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
(User-Friendly) และเอื้อต่อการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการออกแบบนโยบายต่อไปได้ นอกจากนี้ การพัฒนา
การเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนควรคำนึงถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ กฎหมายและกฎระเบียบภายใน การกำหนดและการชำระราคาที่เหมาะสม การระงับข้อพิพาท เป็นต้น และการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมเห็นควรให้พิจารณาถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs พร้อมกับการปกป้องนักลงทุนในตลาดดังกล่าวด้วย ในการนี้ ผู้แทน
กระทรวงการคลังไทย และ OECD ได้นำเสนอความคืบหน้าการจัดทำเอกสารเชิงนโยบายที่ได้จัดทำร่วมกัน เรื่อง Digitalization of Fiscal Measures and Policy Innovations during the COVID-19 Pandemic ซึ่งได้กล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละเขตเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และในส่วนของไทย ผู้แทน
กระทรวงการคลังได้นำเสนอมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด-19 เช่น โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน การลงทะเบียนรอบใหม่ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และซื้อพันธบัตรรัฐบาลผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นต้น
ในการนี้ นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะผู้แทนประเทศไทย ได้นำเสนอการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในด้านภาษีของไทย โดยภาครัฐได้พัฒนานวัตกรรมด้านการจัดเก็บภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยื่นภาษีให้มีความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่าย โดยที่ผู้ยื่นภาษีสามารถจัดทำได้จากระบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ไทยเป็นเขตเศรษฐกิจแรกของโลกที่มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวผ่านแอปพลิเคชัน (VAT Refund for Tourists App) โดยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาปรับใช้
ในโอกาสนี้ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำเอกสารทางเลือกเชิงนโยบายในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน (APEC Policy Options for Developing
Cross-border Payments and Remittances) เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเขตเศรษฐกิจใน
เอเปคที่ต้องการเชื่อมโยงการโอนเงินและการชำระเงินระหว่างกันโดยสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ด้วยต้นทุนที่ถูกลง ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับปรุงร่างเอกสารตามข้อแนะนำของเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ และอยู่ระหว่างเวียนขอความเห็นจากสมาชิกเขตเศรษฐกิจ
เอเปค ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังเอเปครับรองในเดือนตุลาคม 2565 ต่อไป
2. การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบูสู่การปฏิบัติฉบับใหม่ ที่ประชุมได้หารือและรับทราบ
ความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบูสู่การปฏิบัติฉบับใหม่ (New Strategy for Implementation of the Cebu Action Plan: New CAP) ที่ได้รับรองในการประชุมรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 28 ในการนี้ ผู้แทนสมาชิกเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผน New CAP ของเขตเศรษฐกิจตน เช่น ผู้แทนสหรัฐอเมริกาได้รายงานความคืบหน้าของโครงการพัฒนาการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ซึ่งเขตเศรษฐกิจ
จะดำเนินการร่วมกันต่อไป และผู้แทนญี่ปุ่นได้รายงานความคืบหน้าด้านการบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เป็นต้น ซึ่งสมาชิกเขตเศรษฐกิจ
เอเปคสามารถนำไปเป็นแนวทางเพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละเขตเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ การประชุม APEC SFOM ในวันที่ 22 ? 23 มิถุนายน 2565 ณ
จังหวัดขอนแก่น สะท้อนความมุ่งมั่นของสมาชิกเขตเศรษฐกิจ
เอเปคในการพัฒนาด้านเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล และถือเป็นโอกาสอันดีในการพบปะหารือและแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมของแต่ละสมาชิกเขตเศรษฐกิจ
เอเปค ซึ่ง
กระทรวงการคลังได้นำเสนอการดำเนินงานที่มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) รวมถึงศักยภาพของไทยในการพัฒนาด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการมุ่งไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล
อนึ่ง ข้อสรุปและผลลัพธ์ของการประชุม APEC SFOM จะนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers? Meeting: APEC FMM) ครั้งที่ 29 ในช่วงเดือนตุลาคม 2565
ที่จะจัดขึ้นในกรุงเทพมหานครต่อไป
สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3615
ที่มา: กระทรวงการคลัง