1 กันยายน 2565 เริ่มใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 29, 2022 16:06 —กระทรวงการคลัง

ฉบับที่ 116/2565                                                                                                  วันที่ 29 สิงหาคม 2565

1 กันยายน 2565 เริ่มใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5
และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประชาชนจะเริ่มใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2565     ถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 โดยรัฐจะสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำผม    ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ในอัตราร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยล่าสุด ณ วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2565 เวลา 15.00 น. มีประชาชนรายเดิมที่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 (ประชาชนรายเดิมฯ) กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 แล้วจำนวน 18.30 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของจำนวนประชาชนรายเดิมฯ ทั้งสิ้นจำนวน 26.27 ล้านราย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ยังไม่ได้กดยืนยันสิทธิอีกจำนวนประมาณ 7.97 ล้านราย      เร่งกดยืนยันสิทธิล่วงหน้าได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังผ่าน G-Wallet แบนเนอร์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 เพื่อลดความแออัดของการใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตังในวันเริ่มการใช้จ่ายวันแรกในวันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2565 ที่จะถึงนี้ รวมถึงหากไม่ใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. จะถูกตัดสิทธิ

สำหรับประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 (ประชาชนรายใหม่ฯ) ที่ได้มีการลงทะเบียนเข้าร่วมครบจำนวน 2.30 แสนรายแล้วนั้น โฆษกกระทรวงการคลังย้ำว่า ประชาชนรายใหม่ฯ     ที่ได้รับสิทธิแต่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)    (ธนาคารกรุงไทยฯ) หรือยังไม่เคยทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ซึ่งต้องผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทยฯ จะต้องทำการยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก โดยจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนมายืนยันตัวตนผ่านตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทยฯ หรือ ณ ธนาคารกรุงไทยฯ สาขาใดก็ได้   จึงจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ และเนื่องจากขณะนี้ประชาชนรายใหม่ฯ ได้รับการแจ้งยืนยันสิทธิทางข้อความสั้น (SMS) หรือข้อความผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังครบถ้วนแล้วทุกราย ดังนั้น ประชาชนรายใหม่ฯ ดังกล่าวจะต้องใช้จ่ายครั้งแรกผ่านเป๋าตังภายในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ

สำหรับความคืบหน้าการลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้านั้น ณ วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมสะสมแล้วทั้งสิ้น 401,962 ร้านค้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด ยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัคร โดยผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มยังสามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มที่เข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ได้หนึ่งราย ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ? 23.00 น. ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 เพิ่มเติมอีก 1 ราย รวมเป็นจำนวน 5 ราย ได้แก่ ช้อปปี้ฟู้ด ไลน์แมน          แกร็บฟู้ด ฟู้ดแพนด้า และทรูฟู้ด

โฆษกกระทรวงการคลังยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 จะเริ่มให้ผู้มีสิทธิได้ใช้จ่ายระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2565 ถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 เช่นเดียวกัน โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะได้รับเงินช่วยเหลือ ค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ทั้งนี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน (กรณีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 ได้ทาง https://เพิ่มกำลังซื้อ.คนละครึ่ง.com

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ

โทร. 08-5842-7102, 08-5842-7103, 08-5842-7104, 08-5842-7105,

08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7108 (เวลาทำการ 08.30 ? 16.30 น.)

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ halfhalf@fpo.go.th

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1122 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

ที่มา: กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ