Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 มี.ค. 2552
SUMMARY:
1. พาณิชย์เผยส่งออกเดือนก.พ.ติดลบร้อยละ 11.3 ต่อปี
2. สศก. คาด GDP ภาคการเกษตรปี 52 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ต่อปี
3. รัฐบาลจีนหาแนวฝ่าวิกฤติ เร่งกระตุ้นกำลังซื้อภายใน
HIGHLIGHT:
1. พาณิชย์เผยส่งออกเดือนก.พ.ติดลบร้อยละ 11.3 ต่อปี
- ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ก.พ.52 มีมูลค่า 11,736 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ -11.3 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 8,159 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ -40.3 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 3,577 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับยอดส่งออก 2 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้น 22,231.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ -19.2 เหตุผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ หลายประเทศชะลอการนำเข้า
- สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกที่หดตัวน้อยลงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์นั้น มีสาเหตุมาจากราคาและปริมาณการส่งออกทองคำที่สูงขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกในเดือนก.พ. ที่หักทองคำจะหดตัวร้อยละ -24.6 ต่อปี อีกทั้งการหดตัวของการส่งออก 2 เดือนติดต่อกัน ทำให้GDPมีแนวโน้มที่จะหดตัวสูง ในขณะที่การนำเข้าหดตัวเพิ่มจากเดือนก่อนเล็กน้อย สะท้อนถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่หดตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ดุลการค้าที่เกินดุลนั้นยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย
2. สศก. คาด GDP ภาคการเกษตรปี 52 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ต่อปี
- เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยผลการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร (GDP ภาคเกษตร) ปี 52 ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ต่อปี ต่ำกว่าประมาณครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 ต่อปี เนื่องจากคาดว่าการส่งออกสินค้าเกษตรจะปรับตัวลดลงร้อยละ -10.0 ต่อปี และจะส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ 2.0 ต่อปี
- โดยเป็นการลดลงในสาขาการผลิตสำคัญได้แก่ สาขาก่อสร้าง 5 หมื่นคน การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลดลง 1.6 หมื่นคน การผลิตยานยนต์ 1.1 หมื่นคน เป็นต้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ในขณะที่ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกกำลังส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องผ่านด้านการผลิตที่มีแนวโน้มหดตัวลงในหลายภาคการผลิต โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมของไทยที่ผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงมากเป็นประวัติการณ์ (ในเดือนม.ค.52 ดัชนีผลผลิตหดตัวที่ร้อยละ -19.7 ต่อปี) ภาคเกษตรจะเป็นภาคเดียวที่มีแนวโน้มยังดีอยู่และจะช่วยดูดซับผลกระทบของวิกฤตดังกล่าวไม่ให้รุนแรงมากนัก ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตภาคเกษตรในช่วง 2 เดือนแรกปี 52 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 ต่อปี
3. รัฐบาลจีนหาแนวฝ่าวิกฤติ เร่งกระตุ้นกำลังซื้อภายใน
- ทางการจีนกำลังรอประเมินผลของการเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจจีนในปีนี้เติบโตได้ร้อยละ 8 ต่อปี ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ทางการจีนมองว่าหากมึความจำเป็นอาจจะต้องเพิ่มงบประมาณรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ในปีนี้แม้ว่าจะสูงขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ทำให้จีนสามารถเพิ่มการขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก
ผ่านมา
- สศค. วิเคราะห์ว่า ตัวเลข GDP จีนล่าสุดชะลอตัวลงจากไตรมาส 3 ที่ร้อยละ 9.0 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 6.8 ต่อปีในไตรมาส 4 สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเข้าสู่ภาวะซบเซาลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนวงเงิน 5 ล้านล้านหยวนเมื่อพ.ย. 51 ที่ลงไปสู่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจีนคาดว่าน่าจะกระตุ้นการบริโภคและการลงุทนภาคเอกชนในปี 52 ได้ ทั้งนี้ สศค. คาดว่า GDP จีนในปี 52 จะขยายตัวร้อยละ 6.5 ต่อปี ชะลอลงจากปี 51 ที่ขยายตัวร้อยละ 9.0 ต่อปี (คาดการณ์ ณ ธ.ค. 51)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th