รายงานภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่น ประจำสัปดาห์วันที่ 6-10 เมษายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 20, 2009 16:17 —กระทรวงการคลัง

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้

บทสรุปผู้บริหาร

1. อาเซียน+3 ใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยในจีนถือโอกาสเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ใช้พลังงานจากชีวภาพ ในเกาหลีใต้ใช้ Green New Deal Low ส่วนญี่ปุ่นมุ่งเป็น Low Carbon Society

2. ยอดการให้เงินกู้ฉุกเฉินเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่บริษัทเอกชนผ่านสถาบันการเงินของรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในเดือนเดียว

3. วิกฤตการเงินโลกทำให้สถาบันการเงินต่างชาติในญี่ปุ่นลดพนักงานลงเป็นจำนวนมากเพื่อลดต้นทุน

4. คำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เดือน ก.พ.52 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน

5. เดือน ก.พ.52 เกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงร้อยละ 55.6 การส่งออกลดลง 50.4 ส่วนมูลค่าการนำเข้าก็ลดลงร้อยละ 44.9 เทียบกัยระยะเดียวกันปีก่อนหน้า

.................................

1. อาเซียน+3 เปลี่ยนวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นโอกาส-ใช้นโยบายเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในจีน หลังอุตสาหกรรมการส่งออกของจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกจนต้องปิดโรงงานรวมทั้งลดกำลังการผลิตลงไปเป็นจำนวนมาก เช่นในจังหวัด Guangdong มีการปิดโรงงานถึง 62,400 แห่งในปี 2551 ได้เปิดโอกาสให้โรงงานปรับปรุงการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยี่ที่สะอาด ซึ่งในเวลาเศรษฐกิจเจริญเติบโตเต็มที่ไม่สามารถทำได้เพราะต้องผลิตเต็มกำลังการผลิต ในกรุงปักกิ่งซึ่งเคยเป็นเมืองที่มีมลพิษทางอากาศมากที่สุด ปัจจุบันมลพิษได้ลดลงกว่าร้อยละ 20

การชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้เปิดโอกาสในรัฐบาลสามารถจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ง่ายดายขึ้น เช่นปิดโรงงานที่สกปรก และใช้ออกกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อจัดการกับโรงงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและหากโรงงานใดไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ให้ปิดไป

ในงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศใช้ล่าสุด วงเงิน 586 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งสนับสนุนการเปลี่ยนเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัจจุบันการผลิตพลังงานไฟฟ้าหรือก็ซจากขยะชีวะภาพก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอันมากในจีน

ในเกาหลีใต้ ประกาศใช้ Green New Deal Low เป็นกลไกผลักดันการเจริญเติบโตของเกาหลี ได้แก่ Green Industry อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง สนับสนุน Green Industries โดยใช้ Green Technology สำหรับอุตสาหกรรมประเภท Semi-Conductor เหล็ก และอุตสาหกรรมยานยนต์ สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี่จากแหล่งพลังงานสะอาดได้แก่ Solar Power, Wind Power, Hydrogen Fuel Battery, Clean Fuel, IGCC, CCS, Storing Energy, LED, Power-IT ส่งเสริมการซื้อกิจการต่างประเทศที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับแหล่งพลังงานและเทคโนโลยี่ประเภท low-carbon green technology โดยใช้บรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ( Korea Investment Corporation : KIC ) เป็นเครื่องมือในการร่วมลงทุน

ญี่ปุ่น ประกาศนโยบายสร้างสังคมที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (Low Carbon Society) การประหยัดพลังงานและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ให้สถานที่ราชการต่างๆ นำระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยกระทรวง METI เสนอใช้นโยบายการนำวิธีการ Sectoral Approach มาใช้ โดยจะพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญๆ รวมทั้งเสนอแนวทางสำหรับผู้ผลิตสินค้าที่จะติดสลากบนผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อให้ผู้บริโภค ทราบถึงปริมาณคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่เกิดขึ้นจากตลอดวงจรผลิตของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น (carbon footprint)

นอกจากนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่มีระบบช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับแต้มสะสมจำนวนร้อยละ 5 ของราคาสินค้าเรียกว่า Eco Action Point โดยแต้มสะสมนี้จะสามารถนำไปแลกเป็นสิ่งของได้ การสนับสนุนการซื้อเครื่องไฟฟ้าดังกล่าวช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนอุตสาหกรรมการส่งออกเครื่องไฟฟ้าที่กำลังประสบปัญหายอดขาย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในข่ายได้รับแต้มสะสมคือ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าเครื่องปรับอากาศ และไมโครเวฟเป็นต้น รวมถึงผู้ซื้อนำรถยนต์ที่จดทะเบียนเกิน 13 ปีมาเปลี่ยนซื้อใหม่ที่ประหยัดพลังงาน (ECO Car) ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 250,000 เยนด้วย

2. ยอดการให้เงินกู้ฉุกเฉินแก่บริษัทเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ณ สิ้นมีนาคม 2552 เพิ่มขึ้นถึง 1.13 ล้านล้านเยน

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2552 กระทรวงการคลังประเทศญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่าตัวเลขเงินกู้ฉุกเฉินดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนการเพิ่มทุนของบริษัทขนาดกลาง และขนาดใหญ่โดยผ่านธนาคารที่มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาญี่ปุ่น ( Development Bank of Japan (DBJ))และธนาคาร Shoko Chukin Bank ซึ่งเป็นธนาคารสนับสนุน SMEs ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 มีผขอรับเงินกู้ 577 ราย มีจำนวน 1.13 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 7 แสนล้านเยนเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2552

รัฐบาลได้จัดสรรเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อแก้ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจมาแต่เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2552 โดยนอกจากการให้เงินกู้ดังกล่าวแล้ว ยังได้มีการเข้าซื้อ Commercial Paper ของบริษัทต่างๆ โดยเมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2552 DBJ มียอดการเข้าซื้อ 36 ราย มีจำนวน 2.15 แสนล้านเยน และ Shoko Chukin Bank มียอดการเข้าซื้อ 5,605 ราย มีจำนวน 3.125 แสนล้านเยน ในส่วนของการช่วยเหลือบริษัทที่มีการลงทุนในต่างประเทศหรือมีสาขาในต่างประเทศนั้น JapanDevelopment Bank Corporation (JBIC) ได้ให้เงินกู้แก่บริษัทในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2552 โดยมีจำนวนผู้ขอรับเงินกู้ก้อนนี้ถึง 20 ราย เท่ากับ 4.558 แสนล้านเยน และในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีจำนวน 30 ราย เท่ากับ 1.21 แสนล้านเยนภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเศษเท่านั้น

3. สถาบันการเงินต่างชาติในญี่ปุ่นลดพนักงานลงร้อยละ 15.5 เพื่อลดต้นทุน

จากผลการสำรวจของบริษัทที่ปรึกษารายงานว่า สถาบันการเงินต่างชาติที่ประกอบการในญี่ปุ่นลดพนักงานลงร้อยละ 15.5 หรือ 4,315 คน จากจำนวนทั้งหมด 27,819 คน ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมาจนถึง สิ้น มี.ค.52 ครั้งใหญ่ที่สุดช่วง Lehman Brothers ล้มละลาย โดยร้อยละ 58 เป็นพนักงานที่ทำธุรกรรมการเงินเกี่ยวกับหลักทรัพย์และหุ้นกู้เอกชน และร้อยละ 20 ทำธุรกรรมเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ

4. คำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เดือน ก.พ.52 เพิ่มขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน

คำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เดือน ก.พ.52 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เทียบกับเดือน ม.ค. เพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน จากเดิมที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงร้อยล 8.1 โดยสาขาที่เพิ่มขึ้นมากได้แก่การขนส่งและเครื่องจักรเพื่อการเกษตร นับเป็นข่าวดีแรกในปีนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจ เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของเอกชน

5. การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประจำเดือน ก.พ.52 มีจำนวน 1.12 ล้านล้านเยน

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดดุลบัญชีเดินสะพัดประจำเดือน ก.พ.52 เกินดุลจำนวน 1.12 ล้านล้านเยน ลดลงร้อยละ 55.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า

โดยมูลค่าการส่งออก ลดลงร้อยละ 50.4 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนหน้า และลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วนมูลค่าการนำเข้าก็ลดลงร้อยละ 44.9 ซึ่งการลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน มูลค่านำเข้าที่ต่ำกว่ามูลค่าส่งออกทำให้ดุลการค้าในเดือนก.พ. 52 เกินดุลการค้าจำนวน 202.1 พันล้านเยน

ส่วนการเกินดุลรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนต่างประเทศก็ลดลงร้อยละ 34.1 เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปถดถอยทำให้บริษัทญี่ปุ่นได้รับเงินปันผลจากรายละเอียดดุลบัญชีการชำระเงินเดือน ก.พ.52 ปรากฏตามเอกสารแนบ

ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2552

(Balance of Payments)

หน่วย: พันล้านเยน

          รายการ                                                กุมภาพันธ์ 2552      กุมภาพันธ์ 2551
1. ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance)                          1,116.9           2,514.2
   (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า)                                        (-55.6)             (4.8)
 1.1 ดุลการค้าและบริการ (Goods & Services Balance)                       53.0             929.8
    (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า)                                       (-94.3)            (-9.2)
   1.1.1 ดุลการค้า (Trade Balance)                                     202.1           1,031.1
   (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า)                                        (-80.4)            (-7.0)
    การส่งออก (Exports)                                             3,310.0           6,667.9
   (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า)                                        (-50.4)             (9.0)
    การนำเข้า (Imports)                                             3,107.9           5,636.8
   (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า)                                        (-44.9)            (12.6)
   1.1.2 ดุลบริการ (Services Balance)                                 -149.1            -101.3
 1.2 รายได้จากดอกเบี้ย/เงินปันผล (Income)                               1,104.5           1,675.5
 1.3 การโอนรายได้ (Current Transfers)                                 -40.7             -91.1
2. ดุลบัญชีทุนและการเงิน (Capital & Financial Account Balance)         -1,659.2          -2,730.5
 2.1  ดุลบัญชีการเงิน (Financial Account Balance)                     -1,638.5          -2,659.7
    การลงทุนโดยตรง (Direct Investment)                               -327.4            -656.8
    การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (Portfolio Investment)                   -3,950.6          -1,085.8
    การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ด้านการเงิน (Financial Derivatives)            114.1              19.5
    การลงทุนอื่นๆ (Other investments)                                 2,525.4            -936.6
 2.2 ดุลบัญชีทุน (Capital Account Balance)                               -20.7             -70.8
3. ยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ (Changes in Reserve Assets)         -332.7            -433.2
ที่มา: กระทรวงการคลังญี่ปุ่น

สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ