ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้
1. อาเซียน+3 ใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยในจีนถือโอกาสเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ใช้พลังงานจากชีวภาพ ในเกาหลีใต้ใช้ Green New Deal Low ส่วนญี่ปุ่นมุ่งเป็น Low Carbon Society
2. ยอดการให้เงินกู้ฉุกเฉินเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่บริษัทเอกชนผ่านสถาบันการเงินของรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในเดือนเดียว
3. วิกฤตการเงินโลกทำให้สถาบันการเงินต่างชาติในญี่ปุ่นลดพนักงานลงเป็นจำนวนมากเพื่อลดต้นทุน
4. คำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เดือน ก.พ.52 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
5. เดือน ก.พ.52 เกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงร้อยละ 55.6 การส่งออกลดลง 50.4 ส่วนมูลค่าการนำเข้าก็ลดลงร้อยละ 44.9 เทียบกัยระยะเดียวกันปีก่อนหน้า
.................................
ในจีน หลังอุตสาหกรรมการส่งออกของจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกจนต้องปิดโรงงานรวมทั้งลดกำลังการผลิตลงไปเป็นจำนวนมาก เช่นในจังหวัด Guangdong มีการปิดโรงงานถึง 62,400 แห่งในปี 2551 ได้เปิดโอกาสให้โรงงานปรับปรุงการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยี่ที่สะอาด ซึ่งในเวลาเศรษฐกิจเจริญเติบโตเต็มที่ไม่สามารถทำได้เพราะต้องผลิตเต็มกำลังการผลิต ในกรุงปักกิ่งซึ่งเคยเป็นเมืองที่มีมลพิษทางอากาศมากที่สุด ปัจจุบันมลพิษได้ลดลงกว่าร้อยละ 20
การชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้เปิดโอกาสในรัฐบาลสามารถจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ง่ายดายขึ้น เช่นปิดโรงงานที่สกปรก และใช้ออกกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อจัดการกับโรงงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและหากโรงงานใดไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ให้ปิดไป
ในงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศใช้ล่าสุด วงเงิน 586 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งสนับสนุนการเปลี่ยนเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัจจุบันการผลิตพลังงานไฟฟ้าหรือก็ซจากขยะชีวะภาพก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอันมากในจีน
ในเกาหลีใต้ ประกาศใช้ Green New Deal Low เป็นกลไกผลักดันการเจริญเติบโตของเกาหลี ได้แก่ Green Industry อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง สนับสนุน Green Industries โดยใช้ Green Technology สำหรับอุตสาหกรรมประเภท Semi-Conductor เหล็ก และอุตสาหกรรมยานยนต์ สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี่จากแหล่งพลังงานสะอาดได้แก่ Solar Power, Wind Power, Hydrogen Fuel Battery, Clean Fuel, IGCC, CCS, Storing Energy, LED, Power-IT ส่งเสริมการซื้อกิจการต่างประเทศที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับแหล่งพลังงานและเทคโนโลยี่ประเภท low-carbon green technology โดยใช้บรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ( Korea Investment Corporation : KIC ) เป็นเครื่องมือในการร่วมลงทุน
ญี่ปุ่น ประกาศนโยบายสร้างสังคมที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (Low Carbon Society) การประหยัดพลังงานและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ให้สถานที่ราชการต่างๆ นำระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยกระทรวง METI เสนอใช้นโยบายการนำวิธีการ Sectoral Approach มาใช้ โดยจะพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญๆ รวมทั้งเสนอแนวทางสำหรับผู้ผลิตสินค้าที่จะติดสลากบนผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อให้ผู้บริโภค ทราบถึงปริมาณคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่เกิดขึ้นจากตลอดวงจรผลิตของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น (carbon footprint)
นอกจากนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่มีระบบช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับแต้มสะสมจำนวนร้อยละ 5 ของราคาสินค้าเรียกว่า Eco Action Point โดยแต้มสะสมนี้จะสามารถนำไปแลกเป็นสิ่งของได้ การสนับสนุนการซื้อเครื่องไฟฟ้าดังกล่าวช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนอุตสาหกรรมการส่งออกเครื่องไฟฟ้าที่กำลังประสบปัญหายอดขาย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในข่ายได้รับแต้มสะสมคือ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าเครื่องปรับอากาศ และไมโครเวฟเป็นต้น รวมถึงผู้ซื้อนำรถยนต์ที่จดทะเบียนเกิน 13 ปีมาเปลี่ยนซื้อใหม่ที่ประหยัดพลังงาน (ECO Car) ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 250,000 เยนด้วย
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2552 กระทรวงการคลังประเทศญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่าตัวเลขเงินกู้ฉุกเฉินดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนการเพิ่มทุนของบริษัทขนาดกลาง และขนาดใหญ่โดยผ่านธนาคารที่มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาญี่ปุ่น ( Development Bank of Japan (DBJ))และธนาคาร Shoko Chukin Bank ซึ่งเป็นธนาคารสนับสนุน SMEs ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 มีผขอรับเงินกู้ 577 ราย มีจำนวน 1.13 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 7 แสนล้านเยนเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2552
รัฐบาลได้จัดสรรเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อแก้ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจมาแต่เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2552 โดยนอกจากการให้เงินกู้ดังกล่าวแล้ว ยังได้มีการเข้าซื้อ Commercial Paper ของบริษัทต่างๆ โดยเมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2552 DBJ มียอดการเข้าซื้อ 36 ราย มีจำนวน 2.15 แสนล้านเยน และ Shoko Chukin Bank มียอดการเข้าซื้อ 5,605 ราย มีจำนวน 3.125 แสนล้านเยน ในส่วนของการช่วยเหลือบริษัทที่มีการลงทุนในต่างประเทศหรือมีสาขาในต่างประเทศนั้น JapanDevelopment Bank Corporation (JBIC) ได้ให้เงินกู้แก่บริษัทในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2552 โดยมีจำนวนผู้ขอรับเงินกู้ก้อนนี้ถึง 20 ราย เท่ากับ 4.558 แสนล้านเยน และในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีจำนวน 30 ราย เท่ากับ 1.21 แสนล้านเยนภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเศษเท่านั้น
จากผลการสำรวจของบริษัทที่ปรึกษารายงานว่า สถาบันการเงินต่างชาติที่ประกอบการในญี่ปุ่นลดพนักงานลงร้อยละ 15.5 หรือ 4,315 คน จากจำนวนทั้งหมด 27,819 คน ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมาจนถึง สิ้น มี.ค.52 ครั้งใหญ่ที่สุดช่วง Lehman Brothers ล้มละลาย โดยร้อยละ 58 เป็นพนักงานที่ทำธุรกรรมการเงินเกี่ยวกับหลักทรัพย์และหุ้นกู้เอกชน และร้อยละ 20 ทำธุรกรรมเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ
คำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เดือน ก.พ.52 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เทียบกับเดือน ม.ค. เพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน จากเดิมที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงร้อยล 8.1 โดยสาขาที่เพิ่มขึ้นมากได้แก่การขนส่งและเครื่องจักรเพื่อการเกษตร นับเป็นข่าวดีแรกในปีนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจ เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของเอกชน
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดดุลบัญชีเดินสะพัดประจำเดือน ก.พ.52 เกินดุลจำนวน 1.12 ล้านล้านเยน ลดลงร้อยละ 55.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า
โดยมูลค่าการส่งออก ลดลงร้อยละ 50.4 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนหน้า และลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วนมูลค่าการนำเข้าก็ลดลงร้อยละ 44.9 ซึ่งการลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน มูลค่านำเข้าที่ต่ำกว่ามูลค่าส่งออกทำให้ดุลการค้าในเดือนก.พ. 52 เกินดุลการค้าจำนวน 202.1 พันล้านเยน
ส่วนการเกินดุลรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนต่างประเทศก็ลดลงร้อยละ 34.1 เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปถดถอยทำให้บริษัทญี่ปุ่นได้รับเงินปันผลจากรายละเอียดดุลบัญชีการชำระเงินเดือน ก.พ.52 ปรากฏตามเอกสารแนบ
ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2552
(Balance of Payments)
หน่วย: พันล้านเยน
รายการ กุมภาพันธ์ 2552 กุมภาพันธ์ 2551 1. ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance) 1,116.9 2,514.2 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-55.6) (4.8) 1.1 ดุลการค้าและบริการ (Goods & Services Balance) 53.0 929.8 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-94.3) (-9.2) 1.1.1 ดุลการค้า (Trade Balance) 202.1 1,031.1 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-80.4) (-7.0) การส่งออก (Exports) 3,310.0 6,667.9 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-50.4) (9.0) การนำเข้า (Imports) 3,107.9 5,636.8 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-44.9) (12.6) 1.1.2 ดุลบริการ (Services Balance) -149.1 -101.3 1.2 รายได้จากดอกเบี้ย/เงินปันผล (Income) 1,104.5 1,675.5 1.3 การโอนรายได้ (Current Transfers) -40.7 -91.1 2. ดุลบัญชีทุนและการเงิน (Capital & Financial Account Balance) -1,659.2 -2,730.5 2.1 ดุลบัญชีการเงิน (Financial Account Balance) -1,638.5 -2,659.7 การลงทุนโดยตรง (Direct Investment) -327.4 -656.8 การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (Portfolio Investment) -3,950.6 -1,085.8 การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ด้านการเงิน (Financial Derivatives) 114.1 19.5 การลงทุนอื่นๆ (Other investments) 2,525.4 -936.6 2.2 ดุลบัญชีทุน (Capital Account Balance) -20.7 -70.8 3. ยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ (Changes in Reserve Assets) -332.7 -433.2 ที่มา: กระทรวงการคลังญี่ปุ่น
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th