รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 12, 2009 11:13 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 12 มิ.ย. 2552

SUMMARY:

1. ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.52 ลดลงต่อเนื่อง

2. รมว.พลังงานเผยรัฐไม่แทรกแซงราคาขายปลีกน้ำมันแม้ราคาตลาดโลกพุ่งแรง

3. ส่งออกจีนทรุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7

HIGHLIGHT:
1. ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.52 ลดลงต่อเนื่อง
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ม.หอการค้าไทย เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.52 อยู่ที่ 64.3 ลดลงจากระดับ 65.1 ในเดือนเม.ย.52 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 90 เดือน นับตั้งแต่เดือนธ.ค.44 เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 บาท/ลิตร ทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซล อีกทั้งไตรมาสแรก GDP หดตัว -7.1%yoy รวมทั้งกังวลเรื่องปัญหาการเมือง ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนว่า ประชาชนอาจยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม หรือมีความชัดเจน โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดูเหมือนฟื้นตัวนั้น เป็นความเชื่อมั่นภาคธุรกิจมากกว่า
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นผลมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปี 52 หดตัวลงรุนแรงสุดในรอบ 10 ปี ประกอบกับราคาน้ำมันขายปลีกปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นจะได้รับผลกระทบทางลบจาก 1) ราคาน้ำมันที่เริ่มสูงขึ้น และ 2) ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนปัจจัยบวก คือ 1) เม็ดเงินจาก SP2 พร้อมที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน 2) ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นบ้างจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อการส่งออกไทย
2. รมว.พลังงานเผยรัฐไม่แทรกแซงราคาขายปลีกน้ำมันแม้ราคาตลาดโลกพุ่งแรง
  • รมว.พลังงานยืนยันนโยบายรัฐบาลจะปล่อยให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศสะท้อนต้นทุนตลาดโลก แม้ว่าราคาในตลาดโลกจะทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จะมีการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้เหมาะสม หลังจากกที่ได้เคยปรับลดไปในช่วงก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลได้เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทเพิ่มขึ้นอีก 2 บาท/ลิต ตั้งแต่ 14 พ.ค.52 ขณะที่กองทุนน้ำมันฯได้ลดการจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนลง 2.2 บาท/ลิตร ก่อนทยอยเพิ่มมาแล้ว 1 ครั้ง 0.40 บาท/ลิตร
  • สศค. วิเคราะห์ถึงสาเหตุของการเพิ่มของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงนี้ ราคา WTI ทะลุ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว และคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปอีก เป็นผลจากสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นบวกกับสต๊อกที่ลดลง ขณะที่กลุ่มโอเปกได้ลดการผลิตลงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบลดลง ผนวกเข้ากับการเข้ามาของกลุ่มนักเก็งกำไร ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์ว่าปลายปี 2552 ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวระดับ 65 (+/- 5) ดอลล่าร์สหรัฐ/บาร์เรล
3. ส่งออกจีนทรุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
  • ทางการจีนประกาศมูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าเดือนพ.ค. 52 หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยมูลค่าการส่งออกหดตัวร้อยละ -26.4 ต่อปี หดตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ -22.6 ต่อปี โดยในแง่มิติคู่ค้า การส่งออกไปยังสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น หดตัวเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ -16.9 -24.8 และ -19.9 ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าหดตัวที่ร้อยละ -25.2 ต่อปี เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ -23.0 ต่อปี โดยดุลการค้าจีนเดือนพ.ค. 52 ยังคงเกินดุลที่ 13.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ 13.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สาเหตุหลักที่การส่งออกของจีนยังคงทรุดหนักนั้น เกิดจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังคงซบเซา ภาคการส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบทางรายได้ (Income effect) ของเศรษฐกิจโลกจึงยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภายในประเทศของจีนเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยสะท้อนให้เห็นทั้งจากภาคการผลิตและการลงทุน โดยดัชนี PMI ที่ทางการจีนรวบรวม (NBS PMI) ปรับตัวสูงขึ้นพ้นระดับ 50 ตั้งแต่เดือนมี.ค. ยอดจำหน่ายรถยนต์สูงเกิน 1 ล้านคันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อีกทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในเขตเมืองในช่วง 5 เดือนแรกของปี ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 32.9 ต่อปี ซึ่งทั้งสองเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่เน้นการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและมีการนำไปปฏิบัติจริงอย่างรวดเร็ว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ