มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับภาคการคลังที่สำคัญ (6 พฤษภาคม - 26 พฤษภาคม 2552)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 3, 2009 17:01 —กระทรวงการคลัง

มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 พฤษภาคม 2552

1. กรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศ

คณะรัฐมนตรีอนุมัติและเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศสำหรับโครงการ 3 โครงการ วงเงินประมาณ 311.43 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 10,277.20 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

(1) โครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวงกำหนดวงเงินที่จะขอกู้เงินจากธนาคารโลก และธนาคารพัฒนาเอเชีย ประมาณ 170.30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 5,620 ล้านบาท

(2) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1 ของกรมทางหลวงชนบท กำหนดวงเงินที่จะขอกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประมาณ 80.52 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 2,657.20 ล้านบาท

(3) โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง กำหนดวงเงินที่จะขอกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประมาณ 60.61 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 2,000 ล้านบาท

2. การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอดังนี้

(1) โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ประกอบด้วย

  • รายจ่ายประจำ จำนวน 1,436,389.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 84.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย เปรียบเทียบกับร้อยละ 72.3 ในปีงบประมาณ 2552
  • รายจ่ายลงทุน จำนวน 212,689.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายเปรียบเทียบกับร้อยละ 22 ในปีงบประมาณ 2552 โดยในปีงบประมาณ 2553 มีการนำโครงการรายการ และวงเงินนอกงบประมาณตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) จำนวนประมาณ 250,000 ล้านบาท มาประกอบการพิจารณาด้วย
  • รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 50,920.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.0 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย เปรียบเทียบกับร้อยละ 3.3 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552

(2) การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ปี 2553

การจัดสรรงบประมาณจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณปีงบประมาณ 2553 จำนวน 8 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ โดยมีรายการสำคัญได้แก่ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต ร้อยละ 29.8 ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ร้อยละ 14.1 ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ ร้อยละ 10.0 รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณเป็นการชำระหนี้เงินกู้ ร้อยละ 12.6 อุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 8.0 และจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตาม ยุทธศาสตร์อื่น ๆ ประมาณร้อยละ 25.5

(3) การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลได้จัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 136,700 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดเก็บเองและรัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้อีกจำนวน 201,100 ล้านบาท จะรวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น จำนวน 337,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.02

3. รายงานผลการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2

คณะรัฐมนตรีพิจารณารายงานผลการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และมีมติดังนี้

(1) รับทราบแผนการลงทุนสำหรับภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (Stimulus Package 2 : SP2) "โครงการ SP2" ในช่วงปีงบประมาณ 2553-2555 วงเงินลงทุนรวม 1,431,330 ล้านบาท

(2) อนุมัติให้ดำเนินโครงการ SP2 ประเภทที่ 1 ที่มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2553 วงเงินลงทุนรวม 1,063,673 ล้านบาท สำหรับโครงการ SP2 ประเภทที่ 2 และ 3 เมื่อหน่วยงานดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วและพร้อมดำเนินงาน ให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 พิจารณากลั่นกรองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ

(3) อนุมัติแผนการระดมทุนและกลยุทธ์การระดมทุนสำหรับโครงการ SP2 ที่รัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการลงทุน และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการในการจัดหาเงินลงทุนสำหรับโครงการ SP2

(4) เห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการ SP2 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการให้เรียบร้อยโดยเร็ว โดยเร่งรัดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเตรียมความพร้อมในการจัดซื้อจัดจ้าง และเห็นควรให้ดำเนินการผ่านระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ

(5) เห็นชอบแนวทางการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่เสนอขอบรรจุเข้าโครงการ SP2 เพิ่มเติม โดยให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นผู้เสนอโครงการ/แผนการลงทุนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ SP2 และจัดส่งให้คณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2552 โดยคณะกรรมการฯ จะพิจารณากลั่นกรองโครงการและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการภายในเดือนกรกฎาคม 2552

มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 พฤษภาคม 2552
4. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการกฎหมายรวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป โดยประกอบด้วย

(1) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

(2) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กำหนดให้กิจการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ

(3) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก

5. เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan (PSRDPL) จากธนาคารโลก

คณะรัฐมนตรีอนุมัติเรื่อง เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan (PSRDPL) จากธนาคารโลก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และมีมติดังนี้

(1) รับหลักการของร่างสัญญาเงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan (PSRDPL) จากธนาคารโลก และเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งนำเสนอร่างสัญญาดังกล่าวต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ

(2) อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยดำเนินการกู้เงิน Public Sector Reform Development Policy Loan จากธนาคารโลก วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

(3) อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงิน รวมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย

(4) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำความเห็นทางกฎหมายโดยด่วนต่อไป

มติคณะรัฐมนตีวันที่ 19 พฤษภาคม 2552
6. การจ่ายเงินชดเชยการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนกรณีองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงิน และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการให้บริการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนแก่ ขสมก.ในกรอบวงเงิน 639.13 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณจัดสรรค่าชดเชยให้แก่ ขสมก. จากงบกลางของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากการกู้เงินดังกล่าว

มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 พฤษภาคม 2552
7. ของบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2551

คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,625,712 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติปี 2551 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ตาก อุบลราชธานี ระยอง ชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 6 จังหวัด จำแนกเป็น

(1) กรมส่งเสริมการเกษตร (ด้านพืช) วงเงินช่วยเหลือ จำนวน 61,825,712 บาท

(2) กรมประมง (ด้านประมง) วงเงินช่วยเหลือ จำนวน 800,000 บาท

8. มาตรการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการขยายเวลามาตรการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจออกไปอีก 2 ปี จนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2554 เฉพาะในส่วนของมาตรการที่กำหนดให้ส่วนราชการในภูมิภาคหรือส่วนราชการในส่วนกลางที่มีหน่วยงานตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจที่จะทำการจัดซื้อในวงเงินเกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 15,000,000 บาท หรือจัดจ้างในวงเงินเกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000,000 บาท ให้สามารถจัดซื้อจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้โดยอนุโลม ทั้งนี้ โดยให้อยู่ในอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการนั้นหรือผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วแต่กรณี ที่จะพิจารณาได้ตามความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการเป็นสำคัญ

9. การรายงานผลการจ่าย "เช็คช่วยชาติ" ต่อคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการจ่าย "เช็คช่วยชาติ" ในช่วงวันที่ 26 มีนาคม - 23 พฤษภาคม 2552 และแผนการจัดทำ "เช็คช่วยชาติ" รอบที่ 5 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอดังนี้

(1) สำนักงานประกันสังคม ได้รับลงทะเบียนผู้ประกันตนที่ขอรับ "เช็คช่วยชาติ" แล้ว 8,480,805 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2552) ในจำนวนนี้ได้ให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ออก "เช็คช่วยชาติ" ไปแล้ว 4 รอบ รวมจำนวน 7,838,117 ฉบับ หรือร้อยละ 92.42 ของยอดลงทะเบียนสุทธิ

(2) ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2552 ถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2552 ได้มีการจ่าย "เช็คช่วยชาติ" ให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับ "เช็คช่วยชาติ" รวม 7,233,781 คน หรือร้อยละ 92.29 ของจำนวน "เช็คช่วยชาติ" ทั้งหมด

(3) สำนักงานประกันสังคม จะเปิดรับลงทะเบียนผู้ประกันตนที่ขอรับ "เช็คช่วยชาติ" จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 และจะประมวลผลรายชื่อผู้ประกันตนที่มีสิทธิและส่งให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2552 เพื่อออก "เช็คช่วยชาติ" รอบที่ 5 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ต่อไป

(4) เนื่องจากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน และบุคลากรภาครัฐ ฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม 2552 ระหว่าง กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคมและธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กำหนดให้จัดทำ "เช็คช่วยชาติ" 3 รอบ ดังนั้น สำนักงานประกันสังคมจะได้จัดทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดทำ "เช็คช่วยชาติ" รอบที่ 4 และ 5 ต่อไป

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ