Macro Morning Focus ประจำวันที่ 15 มิ.ย. 2552
SUMMARY:
1. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอร่างกฎหมายภาษีที่ดินเข้าครม.ในเดือน ส.ค. 52
2. ธนาคารพาณิชย์ทยอยส่งลูกหนี้ให้ บสย. ค้ำประกัน
3. ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นสอดรับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ผ่านจุดต่ำสุด
HIGHLIGHT:
1. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอร่างกฎหมายภาษีที่ดินเข้าครม.ในเดือน ส.ค. 52
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือน ส.ค.นี้ และจากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรฯ ซึ่งหากสภาอนุมัติกฎหมายแล้ว รัฐบาลยังมีเวลาอีก 1 ปีเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในการจัดเก็บภาษีดังกล่าว และ ยังยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวจะเป็นประโยชน์เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่า
- สศค. วิเคราะห์ว่า สศค. วิเคราะห์ว่า ประมาณร้อยละ 90 ของคนไทยมีที่ดินถือครองไม่เกิน 1 ไร่ ในขณะที่คนกลุ่มที่เหลืออีกร้อยละ 10 ถือครองที่ดินมากกว่าคนละ 100 ไร่ และกว่าร้อยละ 70 ของที่ดินที่มีผู้จับจองถูกปล่อยรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ ดังนั้น การนำภาษีที่ดินฯมาใช้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ โดยจะเป็นการจัดเก็บบนฐานความมั่งคั่ง ( Wealth Base ) ซึ่งใช้ราคาประเมินของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นฐานภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
2. ธนาคารพาณิชย์ทยอยส่งลูกหนี้ให้ บสย. ค้ำประกัน
- ผู้บริหาร ธ.กรุงไทย เผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการคัดเลือกและส่งลูกค้าเข้าโครงการค้ำประกันลูกค้า SMEs กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยคาดว่าจะสามารถขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อได้ไม่น้อยกว่า 2.0 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า SMEs ไปแล้วกว่า 3.0 หมื่นล้านบาท โดนเน้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิต และบริการ ที่มีการจ้างงานและใช้วัตถุดิบในประเทศอุตสาหกรรมที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการ
- สศค. วิเคราะห์ว่า บสย.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐบาลมีหน้าที่ค้ำประกันสินเชื่อให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเพิ่มทุนให้แก่ บสย. มูลค่า 2.0 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.52 และได้มีการตั้งเป้าหมายการค้ำประกันสินเชื่อเป็นวงเงินจำนวน 1.0 แสนล้านบาทในปี 2552
3. ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นสอดรับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ผ่านจุดต่ำ
- ราคาน้ำมันไลต์สวีตได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับราคา 72.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนต์ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 71.5 เหรียญสหรัฐ สูงสุดในรอบ 8 เดือน ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ของสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดและยังได้ปรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันต่อวันในเดือน พ.ค. จากร้อยละ - 3.0 ต่อปี มาสู่ระดับที่ร้อยละ - 2.9 หรือ 83.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ยังพบว่าปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ลดลงถึง 4.4 ล้านบาร์เรล
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันในตลาดโลกนั้นถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าภาวะ วิกฤติเศรษฐกิจโลกนั้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งแสดงว่าปริมาณความต้องการน้ำมันของโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวสะท้อนได้จากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมเศรษฐกิจจีนล่าสุดที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 8.9 (สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 7.5) และยอดการค้าปลีกของจีนในเดือน พ.ค. ได้ปรับตัวสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 15.2 ต่อปี (สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 14.8) ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นส่วนหนึ่งมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนทั้งทางด้านการคลังและการเงินที่มีเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th