การสำรวจยอดขายรายไตรมาส พ.ศ. 2553 : ไตรมาส 3

ข่าวทั่วไป Thursday January 27, 2011 15:46 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ทำการสำรวจยอดขายรายไตรมาสเป็นประจำทุกปี การสำรวจครั้งนี้เป็นการดำเนินการในไตรมาส 3 ของปี 2553 โดยใช้ขนาดตัวอย่างรวม 5,292 แห่ง จากสถานประกอบการที่จำหน่ายปลีกสินค้าและบริการ ทั่วประเทศ ทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านแห่ง ข้อมูลสำคัญที่เก็บรวบรวม ได้แก่ มูลค่าขาย/รายรับและมูลค่าสินค้าคงเหลือของสถานประกอบการ เพื่อให้หน่วยงานวางแผนด้านเศรษฐกิจ ใช้ประกอบการจัดทำบัญชีประชาชาติของประเทศและใช้ในการพิจารณากำหนดนโยบายด้านราคาสินค้า

ผลการสำรวจในปี 2553 ไตรมาส 3 ทั่วราชอาณาจักร สรุปได้ดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขาย/รายรับระหว่างไตรมาส 3 และไตรมาส 2 ปี 2553

ในไตรมาส 3 ปี 2553 ภาพรวมของธุรกิจทั่วประเทศยังขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ร้อยละ 4.1 โดยธุรกิจทุกประเภทมีมูลค่ารายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก มีรายรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนสูงที่สุดร้อยละ 6.8 รองลงมาคือธุรกิจการบริการอื่นๆ และธุรกิจการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ สำหรับกิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา มีรายรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนน้อยที่สุดร้อยละ 2.5

1.1 ธุรกิจค้าปลีก

สำหรับธุรกิจค้าปลีก พบว่า ไตรมาส 3 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ร้อยละ 3.8 โดยกิจการเกือบทุกขนาดมีมูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน และ 1 - 15 คน มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 และร้อยละ 5.7 ตามลำดับ สาเหตุที่มียอดขายเพิ่มขึ้นนั้น สถาน-ประกอบการมากกว่าครึ่งหรือร้อยละ 57.8 รายงานว่าเนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน มียอดขายลดลงในไตรมาส 3 ร้อยละ 16.5

ประเภทของธุรกิจค้าปลีกที่มียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ได้แก่ ขายปลีกสิ่งทอ เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องหนัง (ร้อยละ 10.1) ขายปลีกอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ ในร้านเฉพาะอย่าง (ร้อยละ 8.9) ขายปลีกเครื่องโลหะ สีทา และกระจก (ร้อยละ 6.7) ขายปลีกของใช้แล้ว ขายโดยไม่มีร้านซ่อมแซมของใช้ (ร้อยละ 6.3) ขายปลีกสินค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า (ร้อยละ 5.7) ขายปลีกสินค้าอื่นๆ (ร้อยละ 3.1) ขายปลีกเครื่องใช้สิ่งของและอุปกรณ์ในครัวเรือน (ร้อยละ 1.8) ขายปลีกอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ เป็นสินค้าหลัก ดิสเคาน์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ (ร้อยละ 1.7) และขายปลีกยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง (ร้อยละ 1.7)

1.2 ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก

ธุรกิจประเภทโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก พบว่า ในไตรมาส 3 มีมูลค่ารายรับขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ร้อยละ 6.8 โดยกิจการทุกขนาดมีรายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 10.0 รองลงมาคือกิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน 16 - 25 คน และ 51 - 200 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ร้อยละ 8.9 และร้อยละ 8.2 ตามลำดับ

สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้นนั้น สถานประกอบการ ร้อยละ 29.6 รายงานว่าเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุด และมีการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และอีกร้อยละ 18.7 รายงานว่าลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

1.3 ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร

ในไตรมาส 3 ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารมีมูลค่ารายรับขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ร้อยละ 4.7 โดยกิจการทุกขนาดมีรายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 5.4 รองลงมาคือกิจการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คนขึ้นไป และ 26 - 30 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 และร้อยละ 3.2 ตามลำดับ สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 น้อยที่สุดร้อยละ 1.5 สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้นนั้น สถานประกอบการส่วนใหญ่หรือร้อยละ 49.8 รายงานว่าเนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

1.4 ธุรกิจการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน

ธุรกิจการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน เช่น การให้เช่ากล้องและอุปกรณ์การถ่ายภาพ การให้เช่าวีดีโอ วีซีดี และดีวีดี การให้เช่าเครื่องแต่งกายที่ใช้ในงานพิธีต่าง ๆ การให้เช่าโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องครัว และการให้เช่าหนังสือ เป็นต้น พบว่า ในไตรมาส 3 มีมูลค่ารายรับขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2553 ร้อยละ 5.0 โดยกิจการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 5.1 สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้นนั้น สถานประกอบการส่วนใหญ่หรือร้อยละ 43.6 รายงานว่าเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุด ทำให้มีผู้มาใช้บริการมากขึ้น และอีกร้อยละ 28.6 รายงานว่าลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน และ 16 - 25 คน มีรายรับลดลงในไตรมาส 3 ร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.0 ตามลำดับ

1.5 กิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา

ด้านกิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา พบว่า ในไตรมาส 3 มีมูลค่ารายรับขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยกิจการเกือบทุกขนาดมีรายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 6.4 รองลงมาคือกิจการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน 51 - 200 คน และ 26 - 30 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นในสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 2.9 ร้อยละ 2.8 และร้อยละ 2.3 ตามลำดับ สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้น นั้น สถานประกอบการมากกว่าครึ่งหรือร้อยละ 52.2 รายงานว่าเนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจที่มีรายรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ได้แก่ กิจกรรมสำนักข่าว การบันเทิงอื่นๆ นันทนาการอื่นๆ ผลิต ขาย ให้เช่ารายการวิทยุ โทรทัศน์ ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ วีดีโอ ละคร ดนตรี ศิลปะ และฉายภาพยนตร์ วีดีโอ

สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน ในไตรมาส 3 มีรายรับลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 1.2 สาเหตุที่มีรายรับลดลงนั้น สถานประกอบการร้อยละ 35.3 รายงานว่าเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุด และอีกร้อยละ 33.4 รายงานว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง

1.6 ธุรกิจการบริการอื่น ๆ

ธุรกิจการบริการอื่นๆ ได้แก่ บริการซักรีด ทำความสะอาด บริการเสริมสวย สถานเสริมความงามต่างๆ กิจกรรมเกี่ยวกับการทำศพ และการบริการอื่นๆ พบว่า ในไตรมาส 3 มีมูลค่ารายรับขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ร้อยละ 6.4 โดยกิจการทุกขนาดมีรายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 สูงที่สุด ร้อยละ 6.5 รองลงมาคือกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน และ 16 - 25 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้นนั้น สถานประกอบการมากกว่าครึ่งหรือร้อยละ 51.2 รายงานว่าเนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

2. การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขาย/รายรับระหว่างไตรมาส 3 ปี 2553 และไตรมาส 3 ปี 2552

ในไตรมาส 3 ปี 2553 ภาพรวมของธุรกิจทั่วประเทศขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 13.3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2552 ธุรกิจเกือบทุกประเภทมีมูลค่ารายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก มีรายรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนสูงที่สุดร้อยละ 39.4 รองลงมาคือธุรกิจการบริการอื่นๆ มีรายรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3

เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ในไตรมาส 3 กิจการเกือบทุกขนาดมีมูลค่ารายรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 22.3 รองลงมาคือกิจการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน และ 51 - 200 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 และร้อยละ 12.3 ตามลำดับ ส่วนกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน กลับมีรายรับลดลงในไตรมาส 3 สูงที่สุดร้อยละ 43.3

3. การเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือระหว่างไตรมาส 3 และไตรมาส 2 ปี 2553 ของการขายปลีก

ภาพรวมของมูลค่าสินค้าคงเหลือของธุรกิจค้าปลีก ในไตรมาส 3 ปี 2553 พบว่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 โดยมีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ในส่วนของการขายปลีกสินค้าแต่ละประเภท พบว่า การขายปลีกสินค้าทุกประเภทมีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น โดยการขายอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ ในร้านเฉพาะอย่าง มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 9.2 สำหรับการขายปลีกสินค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 น้อยที่สุดร้อยละ 1.3

เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า กิจการทุกขนาดมีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น โดยกิจการที่มีคนทำงาน 51 - 200 คน มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 สูงที่สุดร้อยละ 7.3 สำหรับกิจการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คนขึ้นไป มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.2

4. การเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือระหว่างไตรมาส 3 ปี 2553 และไตรมาส 3 ปี 2552 ของการขายปลีก

ภาพรวมของมูลค่าสินค้าคงเหลือของธุรกิจค้าปลีก ในไตรมาส 3 ปี 2553 พบว่าขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2552 ในส่วนของการขายปลีกสินค้าแต่ละประเภท พบว่า การขายปลีกยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 26.8

สำหรับการขายปลีกสินค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า มีมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงในไตรมาส 3 สูงที่สุดร้อยละ 30.5 เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือ ตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า กิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 สูงที่สุดร้อยละ 34.0 ในขณะที่กิจการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คนขึ้นไป มีมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงสูงที่สุดร้อยละ 19.3

5. สรุปผลและข้อเสนอแนะ

ภาพรวมของธุรกิจทั่วประเทศในไตรมาส 3 ปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3 ในไตรมาส 2 เป็นร้อยละ 4.1 โดยธุรกิจทุกประเภทมีมูลค่ารายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก มีรายรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนสูงที่สุดร้อยละ 6.8

เมื่อเปรียบเทียบไตรมาส 3 ปี 2553 กับระยะเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ในภาพรวมธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 13.3 โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก ขยายตัวร้อยละ 39.4 และธุรกิจการบริการอื่นๆ ขยายตัวร้อยละ 18.3

สำหรับความช่วยเหลือที่ต้องการจากหน่วยงานของรัฐนั้น มีผู้ประกอบการธุรกิจและบริการทั่วประเทศ ร้อยละ 11.0 แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยส่วนใหญ่กว่าครึ่ง เห็นว่าต้องการให้รัฐสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนั้นผู้ประกอบการบางส่วนต้องการให้รัฐกำหนดมาตรฐานการควบคุมราคาสินค้าให้เข้มงวดมากขึ้น และควรส่งเสริมการท่องเที่ยวและสินค้า OTOP เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของภาคธุรกิจ

หมายเหตุ : การสำรวจยอดขายรายไตรมาส

1) คุ้มรวมของการสำรวจ ได้แก่ สถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายปลีกสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค โรงแรมและภัตตาคาร การให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือนฯ กิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา และการให้บริการส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ ทั่วประเทศ

2) ปี 2549 ไม่มีการสำรวจ

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ