สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 13, 2020 13:50 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 6 - 12 พฤศจิกายน 2563

1) สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว

2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64 รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2

2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก

2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว

2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย

2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง

2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่

2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ

4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ

5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย

5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,295 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,841 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.04

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,422 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,545 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.44

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 30,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,270 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,250 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 891 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,893 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 917 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28,296 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.84 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 1,403 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 485 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,639 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,564 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.75 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 75 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 491 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,820 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 475 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,657 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.37 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 163 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.1834 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

ไทย

?พาณิชย์?ยันมีมาตรการดูแลราคาข้าวให้กับเกษตรกร ทั้งการจ่ายส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ และการใช้มาตรการเสริมผลักดันราคา หลังราคาข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูกาลใหม่ตกต่ำ แจงสาเหตุผู้ซื้อรอดูสถานการณ์ผลผลิต การบริโภคในประเทศลดจากนักท่องเที่ยวน้อยลง บาทแข็งทำส่งออกสู้คู่แข่งลำบาก ส่วนการส่งออกปี 64 มั่นใจดีขึ้น ย้ำไทยมีพันธุ์ข้าวที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบปัญหาข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตกต่ำว่า กรมฯ ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า ขณะนี้ผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูกาลผลิตปี 2563/64 อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวและกำลังทยอยออกสู่ตลาด ทำให้ผู้นำเข้ารอดูสถานการณ์ผลผลิตข้าวไทยว่ามีมากน้อยแค่ไหน ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การบริโภคในประเทศชะลอตัวจากนักท่องเที่ยวที่น้อยลง รวมถึงมีปัญหาการส่งออกลดลง เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งทำให้แข่งขันได้ยากและปัญหาค่าเงินบาท ขณะที่ผู้ค้าข้าวก็มีการระบายข้าว เพื่อเสริมสภาพคล่องรองรับผลผลิตฤดูกาลใหม่ ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในช่วงนี้ปรับตัวลดลงโดยข้าวเกี่ยวสดความชื้น 28-30% มีราคาตันละ 9,500?10,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกแห้งความชื้นไม่เกิน 15% ตันละ 12,000?12,500 บาท

ทั้งนี้ ขอชี้แจงต่อเกษตรกรว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 รอบที่ 1 แล้ว โดยกำหนดราคาเป้าหมายข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคา 14,000 บาท/ตัน ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ราคา 10,000 บาท/ตัน ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคา 11,000 บาท/ตัน ไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ราคา 12,000 บาท/ตัน ไม่เกิน 16 ตัน โดยจะจ่ายเงินส่วนต่างของราคาประกันให้กับเกษตรกร หากราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงต่ำกว่าราคาเป้าหมายส่วนมาตรการคู่ขนานซึ่งจะช่วยดูดซับผลผลิตฤดูกาลใหม่ที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป ได้มีการจูงใจให้เกษตรกร สหกรณ์ สถาบันเกษตรกร รวมทั้งผู้ประกอบการค้าข้าวทั่วไปเก็บสต็อก เพื่อเป็นการสร้างเสถียรภาพราคาตลาด โดยมีเป้าหมาย 7 ล้านตันข้าวเปลือก ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1 เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการร้อยละ 3 เป้าหมาย 4 ล้านตัน

นายวัฒนศักย์กล่าวว่า สำหรับการส่งออกข้าวไทยในปี 2564 คงต้องรอดูปริมาณของผลผลิตข้าวในปี 2563/64 ก่อนว่าจะมีมากน้อยเพียงใด เบื้องต้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดว่าจะมีผลิตข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำที่มีเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก ซึ่งน่าจะส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศปรับตัวลดลงจากราคาที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ช่องว่างของราคาข้าวไทยกับข้าวของประเทศคู่แข่งลดน้อยลง และจะทำให้ศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกดีขึ้น และน่าจะส่งผลให้การส่งออกในปี 2564 ดีกว่าในปี 2563

ทางด้านประเด็นที่ไทยไม่มีพันธุ์ข้าวที่ไปแข่งขันในตลาดโลก คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 เห็นชอบยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-2567 แล้ว โดยมีวิสัยทัศน์ คือ ไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยเน้น ?ตลาดนำการผลิต? เพื่อผลิตชนิดข้าวให้ตอบสนองความต้องการของตลาด โดยมีการจัดกลุ่มข้าวไทยเป็น 7 ชนิด ตามความต้องการของตลาด 3 ตลาด ได้แก่ 1.ตลาดพรีเมี่ยม ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมไทย 2.ตลาดทั่วไป ได้แก่ ข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง และข้าวนึ่ง และ 3.ตลาดเฉพาะ ได้แก่ ข้าวเหนียว และข้าวสีหรือข้าวคุณลักษณะพิเศษ

กำหนดให้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่สามารถแข่งขันกับพันธุ์ของคู่แข่งในตลาดโลก เช่น เวียดนาม เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งยกระดับและเร่งรัด การวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ตรงกับความต้องการของตลาดให้มีอายุเก็บเกี่ยวสั้น ต้นเตี้ย ผลผลิตสูง และคุณภาพดี (สั้น เตี้ย ดก ดี)

ที่มา : commercenewsagency.com

เวียดนาม

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนามรายงานว่า เวียดนามทำรายได้กว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.91 หมื่นล้านบาท) จากการส่งออกข้าวเกือบ 5.3 ล้านตัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 โดยปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 4 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวปริมาณ 300,000 ตัน ไปต่างประเทศในเดือนตุลาคม กวาดรายได้ 161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4. พันล้านบาท) ลดลงร้อยละ 33.2 และร้อยละ 22.5 ตามลำดับ

สื่อท้องถิ่นเวียดนามรายงานว่า ราคาส่งออกข้าวในเดือนตุลาคมเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกลงมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงตอนใต้ ส่งผลให้ต้องชะลอการเก็บเกี่ยวและได้ผลผลิตปริมาณจำกัด จีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของเวียดนาม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่า เวียดนามได้เปลี่ยนไปส่งออกข้าวคุณภาพสูง อาทิ จาปอนิกา ข้าวหอม และข้าวเหนียวเพิ่มมากขึ้นและตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาเวียดนามกลับมาส่งออกข้าวได้ตามปกติหลังจากที่ชะลอการส่งออกชั่วคราวในเดือนมีนาคม เพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศจากที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ระบุว่า เวียดนามส่งออกข้าวปริมาณ 6.3 ล้านตัน ในปี 2562 สร้างรายได้รวม 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.77 หมื่นล้านบาท) และคาดการณ์ว่าในปี 2563 จะส่งออกข้าวปริมาณ 6.7 ล้านตัน

ที่มา : xinhuathai.com

กัมพูชา

นายแวง สาคอน รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของกัมพูชา เผยกับสำนักข่าวซินหัวว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 กัมพูชาส่งออกข้าวสารปริมาณ 536,305 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ขณะที่จีนเป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2563 กัมพูชาส่งออกข้าวไปจีนปริมาณ 194,451 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาหรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้ กัมพูชายังส่งออกข้าวไปตลาดยุโรปปริมาณ 174,391 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 หรือคิดเป็นร้อยละ 32.5 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมด

รัฐมนตรีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า?ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 ภาพรวมการส่งออกข้าวไปยังทุกประเทศปลายทาง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น? โดยกัมพูชาส่งออกข้าวไปยัง 60 ประเทศทุกภูมิภาคทั่วโลก

นอกจากนี้ นายลูน เย็น เลขาธิการสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) เผยกับซินหัวว่า จีนจัดเป็นตลาดใหญ่สำหรับข้าวกัมพูชา และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้กัมพูชาจะส่งออกข้าวไปจีนประมาณ 250,000 ตัน ส่วนนายงินชัย อธิบดีกรมการเกษตร กล่าวว่าการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อุปสงค์ข้าวของกัมพูชาเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าปี 2563 ปริมาณการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศจะสูงถึง 800,000 ตัน

ที่มา : xinhuathai.com

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ