สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคม — กันยายน) พ.ศ. 2553(อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 25, 2010 15:49 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1. การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ

1.1 ปริมาณการผลิต

การผลิตปูนซีเมนต์ ไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีปริมาณการผลิตปูนเม็ด 9.65 ล้านตันการผลิตซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) 8.73 ล้านตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนการผลิตปูนเม็ด และการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ลดลงร้อยละ 3.79 และ 5.42 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน การผลิตปูนเม็ด และการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.52 และ 4.05 ตามลำดับ

สำหรับในช่วง 9 เดือนของปี 2553 มีปริมาณการผลิตปูนเม็ด 19.65 ล้านตัน ส่วนการผลิตซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) มีจำนวน 27.52 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.63และ 8.73 ตามลำดับ

1.2 การจำหน่ายในประเทศ

การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีปริมาณการจำหน่ายรวม 7.11 ล้านตัน แบ่งออกเป็นการจำหน่ายปูนเม็ด 0.28 ล้านตัน และปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) 6.83 ล้านตันโดยปริมาณการจำหน่ายรวมในประเทศเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 6.45 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.87 สำหรับในช่วง 9 เดือนของปี 2552มีปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ 22.59 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.77

การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนชะลอตัวลง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน เป็นอุปสรรคในก่อสร้าง ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ลดลงตามไปด้วย แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 9 เดือนของปี 2553การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นดีขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวในที่อยู่อาศัยประเภทอาคารสูง แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะการเมืองในช่วงไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ชะลอตัวลงเล็กน้อย สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีส่วนช่วยในการเติบโตของอุตสาหกรรม คือ การเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล

2. การส่งออกและการนำเข้า

2.1 การส่งออก

การส่งออกปูนซีเมนต์ ไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีปริมาณรวม 3.86 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4,997.62 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกปูนเม็ด จำนวน 2.24 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,442.31 ล้านบาทและปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) จำนวน 1.52 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,555.31 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณการส่งออกรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่มูลค่าการส่งออกรวมลดลง ร้อยละ 13.33และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการส่งออกรวมลดลง ร้อยละ 1.31 และ3.32 ตามลำดับ

สำหรับการส่งออกปูนซีเมนต์ในช่วง 9 เดือนของปี 2553 มีปริมาณการส่งออกรวม 11.37ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 15,879.34 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปริมาณการส่งออกรวมลดลงร้อยละ 1.76 :ซึ่งลดลงในส่วนของปูนเม็ด แต่มูลค่าการส่งออกรวมเพิ่มขึ้น 0.59 ตามลำดับ

ในภาพรวมการส่งออกปูนซีเมนต์ของไทยถือว่ายังขยายตัวได้ดี ปัจจุบันตลาดส่งออกหลักของไทย คือ ประเทศในแถบอาเซียน คิดเป็นร้อยละ 70 ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศกำลังพัฒนามีกิจกรรมการก่อสร้างสูง เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมียนมาร์ที่มีปริมาณความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว อีกทั้งปูนซีเมนต์ของไทยยังมีโอกาสขยายไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา เพิ่มขึ้นอีกด้วย

2.2 การนำเข้า

การนำเข้าปูนซีเมนต์ไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีปริมาณรวม 3,264.22 ตัน คิดเป็นมูลค่า 38.34 ล้านบาท โดยเป็นการนำเข้าปูนเม็ด จำนวน 120.50 ตัน คิดเป็นมูลค่า 0.12 ล้านบาท ปูนซีเมนต์(ไม่รวมปูนเม็ด) จำนวน 3,143.72 ตัน คิดเป็นมูลค่า 38.22 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 36.35 และ 17.03 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมลดลง ร้อยละ 34.60 และ 15.31 ตามลำดับ

สำหรับการนำเข้าปูนซีเมนต์ในช่วง 9 เดือนของปี 2553 มีปริมาณการนำเข้ารวม 8,778.54ตัน คิดเป็นมูลค่า 119.57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.86 และ 50.48 ตามลำดับ ทั้งนี้การนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นอะลูมินัสซีเมนต์ ซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ และบางส่วนเป็นการนำเข้าซีเมนต์ปอร์ตแลนด์คุณภาพสูงเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ระบุคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาก่อสร้าง ตลาดนำเข้าที่สำคัญ คือ จีน เนเธอร์แลนด์ อินเดียและญี่ปุ่น

3. สรุป

ภาวะการขยายตัวอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ได้รับผลกระทบจากปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองในช่วงต้นปี ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชน ทำให้ชะลอการลงทุนออกไป ทั้งทางด้านผู้บริโภคเองก็ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น และส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและการผลักดันโครงการลงทุนใหม่ๆ ของภาครัฐ ก็มีความล่าช้าออกไปอีก ประกอบกับในไตรมาสที่ 3 เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน เป็นอุปสรรคในก่อสร้าง ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ลดลงตามไปด้วยอย่างไรก็ตาม เมื่อมองในภาพรวมในช่วง 9 เดือน อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในที่อยู่อาศัยประเภทอาคารสูง และปัจจัยสำคัญที่มีส่วนช่วยในการเติบโตของอุตสาหกรรม คือ การเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันให้มีการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในไตรมาสที่ 4 ปี 2553คาดว่าจะขยายตัวเนื่องจากในไตรมาส 4 นั้น ถือเป็นช่วงฤดูกาลก่อสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่เสียหายหลังจากปัญหาน้ำท่วม

การส่งออกปูนซีเมนต์มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่มีแนวโน้มที่จะ ขยายตัวได้ดีเนื่องจากตลาดส่งออกหลักของไทย คือ ประเทศในแถบอาเซียนยังคงขยายตัวได้ดี เนื่องจากเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีกิจกรรมการก่อสร้างสูง เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยยังมีโอกาสขยายไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา เพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากคุณภาพของปูนซีเมนต์ไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ