“อ่านสนุก สนุกอ่าน" หนังสือดีราคาถูก เพื่อพ่อแม่ลูกปลูกรัก

ข่าวทั่วไป Wednesday October 27, 2010 14:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--แปลน ฟอร์ คิดส์ “อ่านสนุก สนุกอ่าน" เป็นหนังสือที่ผลิตขึ้นจาก 3 องค์กรร่วม คือ สมาคมอนุบาลแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และบริษัทแปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อรณรงค์ให้เป็นหนังสือสำหรับพ่อแม่และผู้ดูแลเด็กวัย 0-6 ปี ที่มีพ่อแม่กว่า 20,000 ครอบครัว ใช้แล้วบอกว่า ชัวร์ ทำง่ายได้ผลจริง “อ่านสนุก สนุกอ่าน” เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15 ในงานมีการเสวนาบนเวทีโดย คุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ครูหวาน อ.ธิดา พิทักษ์สินสุข และ คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป ดำเนินรายการโดย คุณโน้ต ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล แต่กว่าที่จะออกมาเป็นหนังสือ “อ่านสนุก สนุกอ่าน” ที่รวบรวมประโยชน์และเทคนิควิธีที่จะส่งเสริมและพัฒนาให้เด็กมีศักยภาพอย่างเต็มตัว เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กและเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือว่า “หนังสือเล่มแรกที่เป็นแรงบันดาลใจให้เป็นนักเขียนหนังสือนิทานให้กับเด็กๆ มีหลายเล่มมาก เช่น ตุ๊กตา ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กในสมัยก่อน โชคดีที่พ่อแม่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ เราจึงได้ซึมซับการอ่านหลากหลายแนว ทั้งการ์ตูน เช่น ชัยพฤกษ์การ์ตูน ผสมเรื่องศาสตร์จากชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ เด็กก้าวหน้าโปรเกสต์ และยังได้ภาษาจาก ขุนศึก ผู้ชนะสิบทิศ นอกจากนั้นพ่อแม่ยังดึงความบันเทิงออกมาให้เราขำจากเรื่อง พล นิกร กิมหงวน ทำให้เราเป็นคนที่รักการอ่าน และสามารถนำเอาข้อดีของการอ่านแต่ละอย่างมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับตัวเอง สำหรับหนังสือเล่มนี้วิจัยมากว่า 6 ปี กว่า 20,000 ครอบครัว มีคัมภีร์ที่จำง่ายๆ คือ 7 11 (เซเว่นอีเลฟเว่น) ต้อง 11 7 อย่า ซึ่งตัวนี้เป็นตัวกระตุกจิตของพ่อแม่ให้รู้ด้วยว่าการอยู่กับลูกต้องระมัดระวัง และที่สำคัญคือ สิ่งที่เราได้ทำร่วมกับสภาการศึกษาและยูนิเซฟก็นำมาลงในเล่มนี้ พ่อแม่สามารถรู้ได้เลยว่า ถ้าอยากให้ลูกมีสมรรถนะด้านไหนตามวัย หนังสือเล่มนี้มีตัวอย่างที่พ่อแม่สามารถหยิบจับกิจกรรมทำให้เป็นกิจวัตรได้” คุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ประธานมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก กล่าวเสริมว่า “หนังสืออ่านสนุก สนุกอ่าน นอกจากที่คุณครูจะนำไปใช้ส่วนตัวแล้ว ก็อยากให้คุณครูแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้ด้วย เรามีงานวิจัยเด็กที่ประสบความสำเร็จ เราพบว่าส่วนมากมาจากครอบครัวที่มีหนังสือติดบ้าน เป็นครอบครัวนักอ่าน แต่สำหรับครอบครัวที่ไม่มีหนังสือที่บ้าน ไม่ว่าโรงเรียนจะพยายามสักแค่ไหน เด็กก็จะได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ทุกครอบครัวควรจะมีโอกาสสัมผัสหนังสือเล่มนี้ ดิฉันมั่นใจมากกว่าการอ่านเป็นพื้นฐานของชีวิต และอีกตัวอย่างก็คือ ดิฉันเคยได้สัมภาษณ์เด็กๆ ที่เป็นนักเขียน และแทบทุกคนจะบอกว่าจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจที่จะเป็นนักเขียนคือ หนังสือเล่มแรกที่คุณพ่อคุณแม่มอบให้แก่เขา ดิฉันก็อยากจะฝากไว้ถึงผู้ใหญ่ทุกคน ว่าบางครั้งหนังสืออาจจะมีราคาแพง แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นการลงทุนเพื่อชีวิตและอนาคตของลูก มันก็ถือว่าเป็นราคาที่น้อยมาก คุ้มค่ากับการลงทุน” ซึ่งสอดคล้องกับครูหวาน อ.ธิดา พิทักษ์สินสุข กรรมการสมาคมอนุบาลแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ ที่ได้กล่าวว่า “เรารู้กันอยู่แล้วว่าการอ่านหนังสือกับเด็กเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำไมบางคนอ่านแล้วประสบความสำเร็จกับลูก แต่ทำไมบางคนอ่านแล้วทำไมไม่เห็นได้เหมือนอย่างคนอื่นเลย วิธีการต่างหากที่มันตกหล่น ทำไมลูกเราไม่เคยเลือกหนังสืออ่านเอง อาจเป็นเพราะเราไม่เคยจัดมุมหนังสือที่บ้าน การเลี้ยงเด็กมันมีรายละเอียด ในหนังสือ “อ่านสนุก สนุกอ่าน” มีความประณีต มีพื้นฐานในการเก็บรายละเอียดของความสำเร็จและความล้มเหลว ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือที่พ่อแม่ทุกบ้าน ครูทุกคนควรจะถือเอาไว้เป็นหลักและเป็นแนวทางในการเตือนสติตัวเอง ว่าทำอย่างไรจึงจะประสบผลสำเร็จ หรือทำอย่างไรจึงเกิดความล้มเหลว ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือประจำตัวของคนที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็กทุกคน เราควรให้เด็กคุ้นเคยกับหนังสือตั้งแต่อยู่ในท้อง เมื่อเขาลืมตาดูโลกเราควรให้หนังสือเป็นเพื่อน ถ้าใครได้ใกล้ชิดกับเด็กจะรู้เลยว่า มันเป็นความอุ่นใจ มันเป็นความคุ้นเคยที่ฉันตื่นมาแล้วเห็นหนังสือนี่มันอยู่ข้างเตียง ทุกครั้งที่จับหนังสือ จะมีคุณพ่อคุณแม่มา คุณตาคุณยายมากันเหมือนกับหนังสือเป็นสิ่งที่คู่กับความรักความอบอุ่น พอเขาโตขึ้นอีกนิด เขาเริ่มอ่านได้ เนื้อหาในนั้นสนุก เขาก็มีความสุข พอโตขึ้นมาอีกนิดอยากพัฒนาชีวิต ก็ต้องอ่านหนังสืออีก เพราะฉะนั้นมันคือของเคียงกายของเรา สำหรับเรื่องนี้จำเป็นกับครูอนุบาล รวมทั้งผู้ที่ดูแลอยู่ในศูนย์เด็กจะต้องอ่าน ในเล่มนี้มีเรื่องสำคัญมาก คือเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของเด็กถ้าเขาได้รับโอกาส ทำไมเด็กบางคนจึงอ่านหนังสือได้เร็ว บางคนจึงช่วยเหลือตัวเองได้มาก ในเล่มนี้มีจุดสำคัญคือสมรรถนะ คือสิ่งที่เด็กๆ สามารถจะทำได้ถ้าเราให้โอกาส แล้วหนังสือเล่มนี้ก็ได้รวบรวมงานวิจัยที่ได้ทำมา เช่น ถ้าอยากให้เด็กๆ ช่วยเหลือตัวเองได้ พ่อแม่ต้องทำอย่างไร ถ้าอยากให้เด็กๆ มีความอ่อนโยนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่พ่อแม่ต้องทำอย่างไร ในเล่มนี้มันมีทุกคำตอบที่จำเป็นสำหรับการดูแลเด็ก” “อ่านสนุก สนุกอ่าน” เป็นหนังสือที่นอกจากจะอ่านได้ประโยชน์ ยังถือเป็นหนังสือการกุศล เพราะรายได้ของการจำหน่ายทั้งหมดมอบให้กับมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ที่จะนำหนังสือไปสู่เด็ก นำเด็กไปสู่หนังสือ “ตลอด 29 ปีที่ผ่านมา ในชีวิตไม่เคยทำงานกับเด็กมีชาติตระกูลเลย ต้องทำงานกับเด็กที่ด้อยโอกาสมากๆ และชีวิตก็เป็นเหมือนกระดาษซับทุกข์ สมัยก่อนเราทุกข์มากๆ เมื่อเด็กทุกข์เราก็ทุกข์ไปด้วย แต่พอเรานึกย้อนกลับไปเกือบสามสิบปี ความสุขของเรามันอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่เมื่อเราอ่านหนังสือแล้วมีมือน้อยๆมาเกาะแล้วก็แหงนหน้ามองเราอย่างใจจดใจจ่อ ภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่นำมาบอกกับพ่อแม่ผ่านหนังสือเล่มนี้ ว่าความสุขมันเกิดง่ายมากเพียงแค่เราเปิดตาเปิดใจเท่านั้นเองหนังสือเล่มนี้เราทำเป็นการกุศล ช่วยให้เด็กที่ไม่มีโอกาส ได้มีโอกาสเหมือนกับพวกเรา ที่สำคัญก็คือว่า หนังสือราคาเพียง 50 บาท แต่เป็นการสร้างทุนทางชีวิตให้กับเด็กในช่วง 6 ปีแรก แล้วจะติดตัวเขาไปจนวันตาย ลองคิดดูว่าเราจะยอมเหนื่อยในช่วง 6 ปี หรือเราจะขอเหนื่อยไปทั้งชีวิต หนังสือเล่มนี้บอกกับพวกเราทุกคนได้” เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กล่าว ไม่มีเด็กคนไหนเล็กเกินไปที่จะรู้จักและได้สัมผัสหนังสือ เพราะหนังสือภาพเพียงหนึ่งเล่ม สามารถจุดประกายเพื่อการเรียนรู้และนำไปสู่การแสวงหาความรู้ตลอดชีวิต ซึ่งครูหวานได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “ในทุกๆวันเด็กไม่เคยหยุดโต เราอย่าผลัก เด็กยิ่งเล็กเท่าไรเขาควรได้รับการปลูกฝังแต่สิ่งที่ดี นิสัยรักการอ่านเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ผู้ใหญ่ทุกคนควรจะมอบไว้กับเด็ก และมรดกที่เรามอบให้แก่เขา มันจะเจริญงอกงามขึ้นเมื่อเขาเติบโตและจะออกดอกออกผลให้เราชื่นใจ และหากเขามีนิสัยรักการอ่าน แน่นอนเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ เขาจะต้องถ่ายทอดมรดกชิ้นนี้ให้กับลูกหลานต่อไป ก็ทำให้เยาวชนของเรารักการอ่านอย่างต่อเนื่องและจริงจังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ต้อง 11 7 อย่า คัมภีร์ในการสร้างลูกรักให้เป็นนักอ่าน โดย เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีปต้อง 11 1. ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี 2. ต้องมีมุมหนังสือในบ้าน 3. ต้องเลือกสรรหนังสือสมวัย 4. ต้องใส่ใจชวนกันอ่าน 5. ต้องชื่นชมกันและกันเสมอ 6. ต้องนำเสนออย่างมีความสุข 7. ต้องหากิจกรรมสนุกๆ มาประกอบ 8. ต้องชอบต่อยอดความคิด 9. ต้องไม่คิดถึงวัย 10. ต้องใช้เวลาพอดี 11. ต้องมีระเบียบชีวิต 7 อย่า 1. อย่ายัดเยียด 2. อย่าเครียดเพราะหวังผล 3. อย่ากังวลเกินไป 4. อย่าตั้งใจจะสอน 5. อย่าต้อนด้วยคำถาม 6. อย่าตำหนิหรือขัดคอ 7. อย่าท้อเบื่อหน่าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ