“วัยใสวัยรัก” ต้องรู้จัก “รัก” อย่างปลอดภัย สสส.หนุนใช้ ‘ภูมิคุ้มกัน’ให้เยาวชนรู้ทัน ‘เซ็กส์’

ข่าวทั่วไป Tuesday February 8, 2011 16:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--บรอดคาซท์ วิตามิน บี ปัญหาเยาวชนไทยในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างวิกฤติ โดยเฉพาะปัญหาในด้านของสื่อสมัยใหม่ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม การใช้ความรุนแรง และยาเสพติด ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยต่างๆ ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของ โรงเรียนชำฆ้อพิทยาคม อ.เขาชะเมา จ.จันทบุรี พบว่าตั้งแต่ปี 2550-2553 มีนักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษากลางคันเฉลี่ยปีละประมาณ 1-2 คน จากปัญหาการตั้งครรภ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเยาวชนยังขาดความรู้ในการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ถึงแม้มีตัวเลขเฉลี่ยไม่ถึงร้อยละ 1 แต่หากนิ่งเฉยปัญหาอาจเพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต “โครงการวัยใสวัยรัก” จึงเกิดขึ้นมาเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนได้มีความรู้และความเข้าใจในการบริโภคสื่อที่เหมาะสมกับวัย ไม่ยั่วยุต่อการมีเพศสัมพันธ์ มีทักษะการปฏิเสธเพศตรงข้าม ลดอัตราความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รู้วิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันตนเองไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และโรคติดต่อทางเพศ โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นางสาวฮุสนา เงินเจริญ หัวหน้าโครงการวัยใสวัยรักเปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องของเด็กนักเรียนที่ต้องออกจากระบบการศึกษามีแนวโน้มมากขึ้นจากปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมทำให้ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งพบว่าสาเหตุสำคัญเกิดขึ้นจากเด็กนักเรียนขาดภูมิคุ้มกันและไม่ได้รับความรู้ที่เกี่ยวกับเพศศึกษาที่แท้จริงอย่างลึกซึ้ง “เพราะบางสิ่งที่เขาได้เรียนในตำราเป็นเพียงความรู้พื้นฐานซึ่งไม่ได้ลึกลงไปในรายละเอียดว่าหากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เขาจะต้องทำตัวอย่างไรหรือมีการป้องกันตนเองอย่างไร ซึ่งหากยังปล่อยให้สถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับนักเรียนของเราต่อไป เด็กที่ออกไปก็จะหมดอนาคตกลายเป็นปัญหาของสังคม หมดโอกาสที่ดีในชีวิตเพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว โครงการนี้จึงทำหน้าที่ให้ความรู้ที่ลึกซึ้งกับเด็ก ให้รู้ทั้งโทษ ผลเสีย วิธีการป้องกัน การหลีกเลี่ยง ให้เขาสามารถดูแลตัวเองไม่ให้เกิดสิ่งที่จะเป็นปัญหากับชีวิตในวัยเรียน หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ให้รู้วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโรคติดต่อหรือเกิดการตั้งครรภ์” ครูฮุสนาระบุ โครงการวัยใสวัยรักได้มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ มากมาย เริ่มจากการอบรมนักเรียนแกนนำในเรื่องของความรู้ด้านเพศศึกษา โรคติดต่อ ยาเสพติด ทักษะในการปฏิเสธเพศตรงข้าม มีกิจกรรมดาวกระจาย นำความรู้ที่ได้รับไปบอกต่อให้กับเพื่อนน้องพี่ในโรงเรียน รวมไปถึงเพื่อนๆ พี่น้อง พ่อ แม่ คนอื่นๆ ในชุมชน มีการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษา ยาเสพติด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หน้าเสาธงอย่างสม่ำเสมอ มีการสำรวจพื้นที่เสี่ยงในชุมชนที่มักจะถูกใช้ในการทำสิ่งที่ไม่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เหล่านี้ มีการอภิปรายให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาในโลกยุคไร้พรมแดน แลกเปลี่ยนทัศนะกันระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ปกครอง ครู และเด็กนักเรียน เพื่อให้เยาวชนทุกคนรู้เท่าทันการใช้ชีวิตในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ในยุคปัจจุบัน โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักเรียนเกือบทุกระดับชั้นในโรงเรียนชำฆ้อพิทยาคมนั่นก็คือ ละครเวทีเรื่อง “เสี้ยววินาที” ที่นำเสนอแง่มุมของชีวิตในวัยรุ่นที่แม้จะผิดพลาดพลั้งเผลอไปเพียงแค่ครั้งเดียวในเรื่องของยาเสพติด และการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่การหมดโอกาสที่ดีในชีวิตเพราะเรียนไม่จบ ซ้ำยังติดโรคร้ายและเสียชีวิตในที่สุด นายธนพร คำแก้ว หรือ “น้องเบิ้ม” อายุ 18 ปี นักเรียนแกนนำชั้น ม.5 ผู้รับบทคุณหมอในละครเวทีเรื่องนี้บอกว่า เค้าโครงของละครเรื่องนี้เกิดจากแนวคิดของแกนนำทุกคนที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงผลกระทบของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การติดยาเสพติด ว่ามีผลเสียอย่างไรบ้าง โดยจะสอดแทรกความรู้ในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและวิธีการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากยาเสพติด “เราอยากจะบอกกับเพื่อนๆ ในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนว่า เรื่องของความรักไม่ได้ห้ามไม่ให้มี แต่ต้องรู้จักคิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไรลงไป คิดไตร่ตรองให้ดีแล้วจึงค่อยตัดสินใจทำ สิ่งที่ทำต้องไม่ส่งผลกระทบต่อตนเองหรือคนอื่นๆ หรือเป็นภาระคนข้างหลังเราเช่นพ่อและแม่” น้องเบิ้มระบุ “น้องโบว์” หรือ นางสาวสุทธิดา ศรีเพ็ชร อายุ 17 ปี แกนนำนักเรียนชั้น ม.6 กล่าวเสริมว่า เรื่องของความรักมันห้ามกันไม่ได้ แต่ก็อยากจะบอกกับเพื่อนและน้องๆ ทุกคนว่าของให้ตัดสินใจให้ดี เลือกให้ดี ดูกันให้ดีก่อน ขอให้ใช้เวลาเป็นเรื่องพิสูจน์ความรัก อย่าใช้การตัดสินชั่วชั่ววูบหรือเร่งด่วนเป็นตัวตัดสิน “อย่าไปคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์จะเป็นรักแท้ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ยิ่งหากท้องขึ้นมา หรือติดโรคร้ายจะทำอย่างไร แล้วเด็กที่เกิดขึ้นมาก็จะเป็นภาระของตัวเราเองแล้ว ยังจะเป็นภาระให้สังคมอีก ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามแต่เราควรใช้ความรักในทางที่ถูกต้อง ซึ่งความรักไม่จำเป็นต้องมีแค่วันวาเลนไทน์แต่เราสามารถมีให้กันทุกวันได้ แฟนก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่คนที่สำคัญกับเรามากที่สุดก็คือพ่อกับแม่ ดังนั้นเราจึงควรคิดถึงในสิ่งที่สำคัญก่อน คิดให้ดีก่อนที่จะบอกรักแฟนควรบอกรักพ่อกับแม่ก่อน” น้องโบว์กล่าว ด้าน นางสาวจิราภัทร เนื่องน้อย หรือ “น้องมัส” อายุ19 ปี แกนนำนักเรียนชั้น ม.6 บอกว่าความรักในทางที่ถูกต้องในวัยเรียน ควรเป็นการช่วยกันเรียนเช่นแทนที่จะเอาเวลาไปเที่ยวไปดูหนัง ก็มาช่วยกันอ่านหนังสือทบทวนทำการบ้านช่วยกันเรียนน่าจะดีกว่า “วันวาเลนไทน์อยากจะให้เพื่อนๆ ทุกคนบอกรักตัวเองก่อน เพราะว่าถ้าเราไม่รักตัวเองแล้วใครเขาจะมารักเรา แล้วเราก็ยังมีพ่อและแม่ที่รักเราอีก ซึ่งการรักตัวเองก็คือต้องคิดให้ดี หาสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุดสำหรับชีวิตของเรา การมีแฟนไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเราในวัยเรียน แต่เรื่องของการศึกษาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งหากเกิดมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ก็จะส่งผลเสียเรียนไม่จบ พ่อแม่ก็เสียใจ เป็นภาระของตัวเองที่ต้องเลี้ยงลูก ต้องออกไปทำงานเหนื่อย เพราะว่าการศึกษาสามารถเปลี่ยนระดับชีวิตของคนได้ถ้าเราได้เรียนสูงๆ เราก็มีหน้าที่การงานที่ดี แต่ถ้าเรียนไม่จบต้องออกการศึกษาไป หางานทำก็ยาก ถึงมีรายได้ก็น้อย” น้องมัสแนะนำ “วัยใสวัยรัก เราอยากให้เด็กนักเรียนในวัยรุ่นได้รู้จักความรัก และรู้จักที่จะมีกรอบของความรัก รักอย่างไรที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง ไม่สร้างปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นวัยใสโดยที่ไม่รู้จักเรื่องของความรัก แต่ต้องรู้ว่าจะคบอยู่ในขอบเขตได้อย่างไร ทำอย่างไรให้เขาสามารถประคองชีวิตไปจนจบการศึกษาโดยไม่มีปัญหาเรื่องของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรหรือติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ให้เขาเรียนจบการศึกษาไปได้ท่ามกลางมรสุมเรื่องของความรักที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยไม่ปฏิเสธความรักที่ผ่านเข้ามาในวัยเรียน แต่ให้รู้จักใช้ความรู้เป็นภูมิคุ้มกันและป้องกันตัวเอง” หัวหน้าโครงการวัยใสวัยรักกล่าวสรุป.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ