เหมราช กำไรสุทธิปี 2549 เพิ่มร้อยละ 87 เป็น 1,190 ล้านบาท พร้อมครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งตลาดนิคมอุตสาหกรรม

ข่าวทั่วไป Friday March 2, 2007 16:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์
บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ รายงานผลการดำเนินงานปี 2549 ว่ามีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,190.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 87 จากปี 2548 และมีรายได้สุทธิจากการดำเนินงาน 971.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67 การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิมาจากกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จาก การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โครงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการระบบสาธารณูปโภค
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชฯ เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีผลประกอบการในปี 2549 ทั้งรายได้และผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ความสำเร็จของเราในปีที่ผ่านมามาจากกลยุทธ์ในการขยายฐานรายได้ ในขณะที่การขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 25 จากการขายที่ดิน 712 ไร่ เรายังมีรายได้จากระบบสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 ขณะที่รายได้จากโครงการเดอะพาร์คชิดลมเพิ่มสูงถึงร้อยละ 90 ”
สำหรับปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,079.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับปี 2548 โดยเป็นรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 3,775.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 รายได้จากระบบสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เป็น 584.8 ล้านบาท ในระหว่างปี 2549 จำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ที่ใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นสามัญมีจำนวนทั้งสิ้น 2,946.18 ล้านหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 มีหุ้นสามัญจำหน่ายแล้ว 9,036.93 ล้านหุ้นและจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิคงเหลือ 672.45 ล้านหุ้นในขณะที่บริษัทฯ ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.03 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2549 และคณะกรรมการบริษัทฯ ได้เสนอการจ่ายเงินปันผล0.04 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการสิ้นปี2549 ในการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้น
ปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ของเหมราชพัฒนาที่ดิน ซึ่งได้รับสมญานามว่า “ดีทรอยท์แห่งภาคตะวันออก” ของประเทศไทย มีผู้ประกอบการทางด้านยานยนต์กว่า 113 ราย อยู่บนเนื้อที่ 8,628 ไร่ ถือเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ของประเทศ ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านลอจิสติกส์ การผลิตและการขนส่งอย่างสำคัญให้กับผู้ประกอบการที่มาลงทุน ในปี 2549 บริษัทเหมราชฯ ได้เปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด บนพื้นที่ประมาณ 8,000 ไร่ เพื่อเป็นส่วนขยายของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์และการส่งออก ซึ่งในเฟสแรก บริษัทฯ ได้พัฒนาพื้นที่กว่า 2,000 ไร่และได้เริ่มเปิดขายแก่ผู้ประกอบการแล้ว โดยได้จัดสรรพื้นที่ 765 ไร่ เป็นเขตปลอดอากร และทันทีที่ถนนเชื่อมต่อระหว่างนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนเมษายน ถนนดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าปัจจุบันของนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) สามารถส่งสินค้าไปสู่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังด้วยเส้นทางที่มีการจราจรคล่องตัวกว่าและเป็นเส้นทางที่ใกล้ยิ่งขึ้น ส่วนลูกค้ารายใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จะสามารถเชื่อมโยงซัพพลายเชนกับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์เดิมในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ได้โดยสะดวก
ในส่วนของการให้เช่าและขายโรงงานสำเร็จรูป จนถึงขณะนี้บริษัทเหมราชฯ ได้สร้างโรงงานสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแล้ว 88 โรงงาน มีพื้นที่รวมกันมากกว่า 180,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ จากแนวโน้มความต้องการโรงงานสำเร็จรูปที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัทฯคาดว่ารายได้ในส่วนนี้ จะส่งผลดีต่อผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับเขตประกอบการอุตสาหกรรม เอส ไอ แอล (สระบุรี) มีพื้นที่รวม 3,655 ไร่ และเป็นเขตประกอบการภายใต้การส่งเสริมการลงทุนเขต 2 ของบีโอไอ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงงาน 46 บริษัท จาก 10 ประเทศ ซึ่งบริษัทเหมราชฯ ได้พัฒนาให้เป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ และ โลจิสติกส์ เพราะมีทำเลที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของประเทศไทย มีระบบคมนาคมที่ดีเยี่ยมทั้งทางหลวงและทางรถไฟ ส่วนความโดดเด่นในการเป็นคลัสเตอร์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ เกิดจากความพร้อมในด้านทรัพยากรบุคคลและศูนย์วิจัยและค้นคว้าหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และความอุดมด้วยแหล่งน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบันพื้นที่ 428 ไร่ ได้รับการพัฒนาให้เป็นเขตปลอดอากรและเปิดให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแล้ว นอกจากนี้ ยังมีโรงงานสำเร็จรูปสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะเปิดให้เช่าและขาย ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550
“ถึงแม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันในประเทศไทยจะไม่เอื้ออำนวยนัก เนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ เราค่อนข้างพอใจกับผลประกอบการในปี 2549 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ จาก บริษัท ไทยเรทติ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด (ทริส) ในระดับเดียวกับปี 2548 โดยพิจารณาจากรายได้ของเราจากการขายที่ดิน การให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โครงการคอนโดมิเนียม รวมทั้งสถานะภาพทางการเงินที่เข้มแข็งของบริษัท ฯ ” นายเดวิด นาร์โดน กล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด
โทร. 0-2645-0171
คุณไพลิน บูรณะมิตรานนท์ / คุณเปมิกา วงษ์อัยรา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ