กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ตลาดไอทีเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรสูงขึ้น มหาวิทยาลัยศรีปทุมเสริมแรง ป้อนผู้บริหารไอทีให้ทันความต้องการ เร่งเสริมทั้งปริมาณพร้อมยืนยันคุณภาพ จัดการสอนโดยผู้มีประสบการณ์จริงในวงการไอที
“ความต้องการแรงงานด้านไอทียังมีอีกมาก เพิ่มขึ้นปีละ 30-40 % เพราะเกิดการพัฒนาซอฟท์แวร์ให้ทันกับฮาร์ดแวร์ตลอดเวลาที่เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนไปทุกขณะ มีการใช้งานไอทีในสายงานต่าง ๆ มากมายแทบทุกสายงาน หลักสูตร MS-CIS หรือวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมมีเป้าหมายเพื่อผลิตบุคลากรระดับขั้นบริหารหรือที่เรียกว่าตำแหน่ง CIO (Chief Information Officer) เพื่อป้อนสู่ตลาดไอที” ดร.พิลาศพงษ์ ทรัพย์เสริมศรี ผู้อำนวยการหลักสูตรสารสนเทศศาสตร์มหาบัณฑิตกล่าว
ทั้งนี้ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ไทย ATSI หลังปี 1997 ธุรกิจพัฒนาสารสนเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องปีละ 30 % และในปัจจุบันมีผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับระบบสารสนเทศในหน่วยงานภาครัฐทั้งในการดูแลและบริหรไม่ต่ำกว่า 60,000 คน และมีผู้ใช้สารสนเทศไม่ต่ำกว่า 150,000 คน ส่วนในภาคเอกชนต้องใช้บุคลากรไม่ต่ำกว่า 300,000 คน นอกจากนี้ตัวเลขของอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ซึ่งภาครัฐจะสนับสนุนให้มีการสร้างเขตอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ที่เชียงใหม่และภูเก็ต และมีการสนับสนุนการสร้างบุคลากรด้านพัฒนาโปรแกรมอีกไม่ต่ำกว่า 50,000 คน โดยต้องมีบุคลากรระดับที่ทำงานบริหารจัดการระบบสารสนเทศอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 คน
ดร.พิลาศพงษ์กล่าวเพิ่มเติม “ตลาดแรงงานไอทียังคงเป็นที่ต้องการของตลาดไอทีต่างประเทศด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดศูนย์พัฒนาซอฟต์แวร์ของประเทศ เช่น อินเดีย แรงงานถูกและเก่งทางด้านซอฟต์แวร์ ส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทำรายได้อันดับหนึ่งของประเทศและสามารถพัฒนางานให้กับประเทศที่ค่าแรงแพง เช่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป ส่วนประเทศไทยเราแรงงานมีปัญหาด้านความสามารถทางด้านทางภาษาอังกฤษและยังขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญการสร้างงานซอฟต์แวร์เฉพาะทางจึงเสียเปรียบกว่าประเทศอื่น ทำได้แค่พัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อใช้ภายในประเทศเท่านั้น”
การผลิตมหาบัณฑิตในสาขาวิชาระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ ของมหาวิทยาลัยศรีปทุมเราเน้นในเรื่องการนำระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ไปใช้งานในระดับบริหาร การเรียนการสอนจะเป็นรูปแบบกึ่งสัมมนากึ่งถ่ายทอดประสพการณ์ของอาจารย์ในวงการไอที ใช้เวลาในหลักสูตรเร่งรัดประมาณ 1 ปีครึ่ง
“เป้าหมายหลัก คือ ผลิตผู้บริหารที่มีความรู้ทางด้านไอทีและความรู้ด้านการบริหารองค์กร รู้จักการทำแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจและแผนปฏิบัติการด้านไอทีควบคู่กันไป เพื่อไปประยุกต์ในสายงานบริหารไอทีใน ตำแหน่ง CIO ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน การสอนจึงเป็นในรูปแบบกึ่งสัมมนากึ่งถ่ายทอดประสพการณ์และให้นักศึกษาหัดใช้ทักษะในการนำเสนอผลงานกลุ่ม มีกรณีตัวอย่างให้นักศึกษาและได้แสดงความคิดเห็นร่วมกัน เน้นการนำไอทีไปใช้ในองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพ ไม่ได้เน้นการเขียนโปรแกรม ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของหลักสูตรนี้ และยังเป็นสาขาวิชาที่มีคู่แข่งน้อย เน้นความทันสมัยในด้านเนื้อหาวิชา มีห้องแล็บ อินเตอร์เน็ต และคณาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรงสาขาไอที เน้นการถ่ายทอดประสบการณ์มากกว่าการมาเปิดตำราเรียน”
“สำหรับผม ซึ่งเป็นผู้อำนวยการหลักสูตรเองก็มีประสบการณ์ในการทำงานทางด้านไอทีมาประมาณ 30 ปีแล้ว เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ ในตำแหน่งผู้จัดการภาคพื้นเอเชีย และเป็นตัวแทนของ IBM เปิดบริษัทคอมพิวเตอร์ยูเนี่ยนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในภาครัฐ เช่น เป็นที่ปรึกษางานคอมพิวเตอร์ในคณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม ในปี 2548 และร่วมเป็นคณะที่ปรึกษากรรมาธิการการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของวุฒิสภา จากนั้นในปี 2550 นี้เอง ได้เป็นคณะอนุกรรมการด้าน E-Government ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวง ICT ดังนั้นผมจึงเชื่อมั่นว่าหลักสูตรจะตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและของผู้เรียนที่ต้องการประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ” ดร.พิลาศพงษ์กล่าว
ดังนั้นผู้ที่สนใจในสาขาวิชาระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ สามารถมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมได้ โทร. 02-579 1111 ต่อ 1150 -1153 หรือ ทาง WWW.SPU.AC.TH
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net