เกษตรฯ เผยแนวทางจัดการน้ำท่วมภาคเกษตรไทย 4 ระยะ

ข่าวทั่วไป Thursday May 29, 2025 14:06 —ThaiPR.net

เกษตรฯ เผยแนวทางจัดการน้ำท่วมภาคเกษตรไทย 4 ระยะ

นายพีรพันธ์ คอทองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ปี 2568 ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 - ประมาณกลางเดือนตุลาคม 2568 (กรมอุตุนิยมวิทยา) กรมส่งเสริมเกษตรกร ห่วงใยเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ จึงได้กำหนดแนวทางจัดการน้ำท่วมเพื่อความพร้อมรับมือ - ป้องกัน - ฟื้นฟูพื้นที่เกษตรที่ประสบภัยพิบัติ โดยขับเคลื่อนให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกพื้นที่เดินหน้าตามแนวทางจัดการน้ำท่วมภาคเกษตรไทย 4 ระยะ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติ ประกอบด้วย 1.ระยะลดผลกระทบ (Mitigation) ป้องกันความเสียหายล่วงหน้าก่อนเกิดภัย โดยวางผังแปลงเพาะปลูกใหม่ให้มีร่องระบายน้ำ และสร้างคันดินหรือประตูน้ำ รวมทั้งเลือกพันธุ์พืชและช่วงเวลาฤดูเพาะปลูกให้เหมาะสม 2. ระยะเตรียมพร้อม (Preparedness) เตรียมตัวก่อนภัยมาถึง โดยหมั่นติดตามพยากรณ์อากาศและช่องทางแจ้งเตือนภัยพิบัติ เช่น หอกระจายข่าว ไลน์และเฟซบุ๊กจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเตรียมแผนอพยพหรือเก็บเกี่ยวพืชกรณีฉุกเฉิน 3. ระยะตอบสนอง (Response) บรรเทาผลกระทบในระยะวิกฤต เพื่อรักษาชีวิตพืชในแปลงปลูก โดยเร่งระบายน้ำออกทันทีเมื่อระดับน้ำภายนอกลด และเติมอากาศให้รากพืช อาจใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มาป้องกันโรครากเน่า เป็นต้น และ 4. ระยะฟื้นฟู (Recovery) เพื่อให้เกษตรกรกลับมาผลิตได้รวดเร็ว และมีรายได้หมุนเวียนทันทีหลังน้ำลด โดยปรับสภาพฟื้นฟูดิน พลิกตากหน้าดิน และเติมปุ๋ย พร้อมสนับสนุนการปลูกพืชอายุสั้นที่สามารถจำหน่ายผลผลิตหมุนเวียนสร้างรายได้ชั่วคราวหลังประสบภัยพิบัติ

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้ เป็นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี เมื่อทำการเพาะปลูกข้าว พืชไร่ พืชผักหรือพืชอายุสั้นแล้ว เกษตรกรควรขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนภายใน 15 วันหลังเพาะปลูก และไม่เกิน 60 วันก่อนเก็บเกี่ยว สำหรับไม้ผล ไม้ยืนต้น (พืชอายุยาว) เกษตรกรควรแจ้งขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรหลังปลูกแล้วไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือที่ยังยืนต้นอยู่ และสามารถเลือกเข้ารับบริการผ่านช่องทางการบริการของรัฐ ได้ 3 ช่องทาง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่ 1. แจ้งข้อมูลด้วยตนเองที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก หรือจุดให้บริการที่เจ้าหน้าที่ประกาศไว้ 2. ผ่านเว็บไซต์ http://efarmer.doae.go.th (e-Form) ด้วยตนเอง 3. ผ่านแอปพลิเคชัน FARMBOOK (เฉพาะเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม) เพื่อรักษาสิทธิในการได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐกรณีได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ