กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--เนคเทค โครงการเสวนา เรื่อง “จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทยและไม่กระทบภาคธุรกิจ” วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2547 เวลา 9.00 น.—16.00 น. ณ ห้องแกรนด์ ฮอลล์ 2 ชั้น เอ็ม โรงแรมรามา การ์เด้น จัดโดย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สภาทนายความ หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย สมาคมธนาคารไทย 1. หลักการและเหตุผล สืบเนื่องจากมาตรา 28 และมาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ให้ความคุ้มครองสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่ส่วนตัว การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียงหรือความเป็นอยู่ส่วนตัว จะกระทำมิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน อนึ่ง บทบัญญัติข้างต้นได้กำหนดเอาไว้เป็นเพียงหลักเกณฑ์ที่เป็นหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนเท่านั้น ยังไม่ได้มีกฎหมายมารองรับเป็นลักษณะกฎหมายทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นการกำหนดกลไกในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถประมวลผลและเผยแพร่ถึงบุคคลจำนวนมากได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็วโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศอันทันสมัย จึงมีความจำเป็นต้องตรากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นกฎหมายทั่วไป และในการดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวได้ดำเนินการให้มีลักษณะความเป็นสากลอันรับกับลักษณะเฉพาะของสังคมไทยด้วย ในการยกร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว จึงได้กำหนดหลักการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางและมาตรฐานที่กำหนดไว้ใน Guidelines Governing the Protection of Privacy and Transborder Data Flows of Personal Data ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (The Organization for Economic Cooperation and Development หรือ OECD) อันเป็นแนวทางที่นานาประเทศต่างก็ได้ใช้เป็นกรอบหรือแนวทางในการพัฒนากฎหมายภายในของประเทศตน ประกอบกับการศึกษากฎหมายหลายประเทศในเชิงเปรียบเทียบและพิจารณาหลักการของกฎหมายไทยฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้มีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับความตื่นตัวของสังคมไทยในการเล็งเห็นถึงความสำคัญของสิทธิขั้นพื้นฐานข้างต้นควบคู่ไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ได้กำหนดขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายให้ครองคลุมการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม การประมวลผล การเก็บรักษา การแก้ไข การลบ การโอน การใช้ และการจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนั้น ยังได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดกลไกในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยส่งเสริมให้มีการจัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งทำหน้าที่ในการวางนโยบาย มาตรการ และแนวทางใดๆ ในการส่งเสริมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดให้มีมาตรการทางปกครองเพื่อกำหนดกลไกการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำหน้าที่หน่วยงานธุรการและสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระบวนการนิติบัญญัติเป็นไปอย่างรอบคอบและมีเนื้อหาที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นถึงข้อดี หรือข้อบกพร่องที่จะต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในร่างพระราชบัญญัติ รวมถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและเป็นหลักประกันในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างแท้จริง 2. วัตถุประสงค์ 2.1 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2.2 เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อการปรับปรุงเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... รวมถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายในอนาคต 3. กลุ่มเป้าหมาย ผู้เข้าร่วมการเสวนา ประมาณ 300 คน จากสาขาต่างๆ ดังนี้ คณะอนุกรรมการและคณะทำงาน ประมาณ 20 คน นักกฎหมายจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประมาณ 100 คน สื่อมวลชนและ NGO ประมาณ 80 คน นักวิศวกรรมศาสตร์ นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ - ประมาณ 100 คน เทคโนโลยีสารสนเทศ และผู้ที่เกี่ยวข้อง 4. รูปแบบการจัดงาน เป็นการเสวนาทางวิชาการ โดยวิทยากรทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5. วัน เวลา สถานที่ วันพฤหัสบดี ที่ 29 กรกฎาคม 2547 เวลา 09.00—16.00 น. ณ ห้องแกรนด์ ฮอลล์ 2 ชั้น เอ็ม โรงแรมรามา การ์เด้น 6. หน่วยงานที่จัด กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สภาทนายความ หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย และสมาคมธนาคารไทย 7. กำหนดการ08.30-09.00 น. ลงทะเบียน09.00-09.15 น. กล่าวเปิดการสัมมนา โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 09.15 — 12.00 น. จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทยและไม่กระทบภาคธุรกิจ โดย - ผศ.ดร. กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - นายมนู อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) - ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดำเนินรายการและร่วมเสวนา โดย ศ. เศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน ฯ12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน13.00-16.00 น. การจัดทำ Privacy Policy และการใช้ Trust Mark เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ในการทำ e-Commerce โดย - นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ผู้อำนวยกองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ - นายเลิศยุทธ ทองวินิจ กรรมการผู้จัดการ hoteleasy.com ดำเนินรายการและร่วมเสวนา โดย นางสุรางคณา วายุภาพ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์--จบ----อินโฟเควสท์ (นท)--