ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารไทยที่ถือหุ้นโดยธนาคารต่างประเทศ 3 แห่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 24, 2013 16:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศในประเทศไทย 3 แห่ง ดังนี้ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT และ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ICBCT คงอันดับเครดิตที่ ‘AAA(tha)’ และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) คงอันดับเครดิตที่ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารทั้ง 3 แห่งมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating (IDR)) ของ UOBT และ CIMBT ที่ ‘A-’ และ ‘BBB’ ตามลำดับ รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้าย ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOBT และ CIMBT สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ที่มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารทั้ง 3 แห่งจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ของธนาคารแต่ละแห่ง คือ United Overseas Bank Limited หรือ UOB (‘AA-’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) CIMB Bank Berhad หรือ CIMB และ Industrial and Commercial Bank of China หรือ ICBC (‘A’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) มุมมองดังกล่าวพิจารณาจากสัดส่วนการถือหุ้นเกือบทั้งหมดจากธนาคารแม่ การใช้ชื่อธนาคารร่วมกัน และความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของ UOBT และ ICBCT สอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารแม่แต่ละแห่ง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของ CIMBT สะท้อนถึงความคาดหมายของฟิทช์ที่เชื่อว่าความสามารถและโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนพิเศษ (extraordinary support) ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอีก 1 — 2 ปีข้างหน้า อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของ UOBT ที่ระดับ ‘bb+’ สะท้อนถึงเครือข่ายด้านสินเชื่อและเงินฝากในประเทศที่จำกัด โครงสร้างเงินกู้ยืมที่ไม่แข็งแกร่งนัก และความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับธนาคารที่อยู่ในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินระดับเดียวกัน อย่างไรก็ดี UOBT มีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารไทยอื่นๆ รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยได้รับการสนับสนุนจาก UOB อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ CIMBT ที่ ‘bb-’ สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่จำกัด ความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างต่ำ และสภาพคล่องในระดับจำกัด แม้ว่าอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญจะมีการปรับตัวดีขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งทางการเงินโดยรวมของ CIMBT ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์อื่นที่มีอันดับเครดิตคล้ายกัน อันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงินยังสะท้อนถึงการสนับสนุนในการดำเนินงานปกติ (ordinary support) ที่ได้รับจากธนาคารแม่ อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ CIMBT เป็นอันดับเครดิตเดียวกันกับอันดับเครดิตระยะสั้นภายในประเทศของ CIMBT ที่ ‘F1+’ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคาร อันดับเครดิตตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (upper Tier 2) ของ CIMBT ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CIMBT อยู่ 2 อันดับ เนื่องจากตราสารดังกล่าวเป็นตราสารด้อยสิทธิและมีคุณสมบัติให้ธนาคารสามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ยได้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (lower Tier 2) อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคาร 1 อันดับ ซึ่งสะท้อนการที่หุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิในโครงสร้างเงินทุน (capital structure) และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตตราสารประเภทดังกล่าว ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต — อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตสนับสนุน และอันดับเครดิตภายในประเทศ หากความสามารถของธนาคารที่เป็นบริษัทแม่ในการให้การสนับสนุนและระดับการสนับสนุนที่มีต่อธนาคารที่เป็นบริษัทลูก มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของธนาคารที่เป็นบริษัทลูก การลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารที่เป็นบริษัทแม่ อาจส่งผลลบต่ออันดับเครดิตของธนาคารที่เป็นบริษัทลูก เนื่องจากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ UOBT ถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย (Country Ceiling) หากเพดานอันดับเครดิตของประเทศได้รับการปรับเพิ่ม อาจส่งผลบวกต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ UOBT และหากหากเพดานอันดับเครดิตของประเทศได้รับการปรับลด อาจส่งผลลบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ UOBT การปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความแข็งแกร่งทางการเงินโดยรวมของ CIMB อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของ CIMBT ได้รับการปรับเพิ่ม ในทางกลับกันการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลให้อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับลด ถ้าหากมีการปรับลดลงของอันดับเครดิตของ ICBC อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCT นอกจากนี้การปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทย โดยที่อันดับเครดิตของ ICBC ไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบให้มีการปรับอันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCT ลดลงได้เช่นกัน ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต — อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ หากความสามารถในการทำกำไรของ UOBT มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยที่คุณภาพสินทรัพย์หรือระดับเงินกองทุนไม่ด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลบวกต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT ในขณะที่การลดลงของระดับเงินกองทุนอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นปัจจัยลบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT การปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอย่างต่อเนื่องของความแข็งแกร่งทางการเงินโดยรวมของ CIMBT เทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นน่าจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ในขณะที่การปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ โดยเฉพาะในด้านคุณภาพสินทรัพย์ สภาพคล่อง และ เงินกองทุน น่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ CIMBT จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคาร ผลการดำเนินงานของธนาคารทั้ง 3 แห่งน่าจะปรับเพิ่มตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ในระยะปานกลาง จากการที่ธนาคารดังกล่าวยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีปัจจัยสนับสนุน อย่างไรก็ดีรายได้สุทธิของ CIMBT ในปี 2556 อาจได้รับผลกระทบจากส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ลดลง ในขณะเดียวกันแรงกดดันในด้านคุณภาพสินทรัพย์ของทั้ง CIMBT และ ICBCT อาจเพิ่มมากขึ้นในระยะกลางจากการเติบโตของสินเชื่ออย่างก้าวกระโดดในช่วงสองปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีความเสี่ยงดังกล่าวบรรเทาลงจากการที่ธนาคารทั้ง 2 แห่งดำรงอัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้สงสัยจะสูญสูงขึ้นมาในระดับ 85%-90% นอกจากนี้เงินทุนสนับสนุนจากธนาคารแม่ ในกรณีที่จำเป็นจะช่วยป้องกันผลกระทบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น UOB ถือหุ้น 99.7% ใน UOBT ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินทรัพย์ 2.1% CIMB ถือหุ้น 93.7% ใน CIMBT ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 11 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินทรัพย์ 1.7% ICBCT ถือหุ้นโดย ICBC 97.7% โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินทรัพย์ 0.9% รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังนี้: UOBT: รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังนี้: - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘A-’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2’ - อันดับความเข็งแกร่งทางการเงินคงอันดับที่ ‘bb+’ - อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘1’ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’ CIMBT: - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F3’ - อันดับความเข็งแกร่งทางการเงินคงอันดับที่ ‘bb-’ - อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AA-(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’ - อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’ - อันดับเครดิตตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (upper Tier 2) คงอันดับที่ ‘A(tha)’ - อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (lower Tier 2) คงอันดับที่ ‘A+(tha)’ ICBCT: - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ - อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ