ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. สยามโกลบอลเฮ้าส์” ที่ “A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 23, 2013 13:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์อันยาวนานของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนกลยุทธ์ในการขยายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัด และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปี 2555 ด้วย ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากวงจรเงินสดของบริษัทที่ค่อนข้างยาว รวมถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านได้ต่อไป พร้อมทั้งจะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้าและบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้าในขณะที่มีการขยายสาขาไปพร้อมกัน ทั้งนี้ การประหยัดจากขนาดที่เกิดจากการขยายสาขาและการดำเนินนโยบายควบคุมต้นทุนน่าจะช่วยทำให้บริษัทคงความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้าน บริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2540 โดยนายวิทูร สุริยวนากุล และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2552 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2555 บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นเต็ม 100% ได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนและทำคำเสนอซื้อกิจการบางส่วนคิดเป็นสัดส่วนรวม 31.02% ของทุนเรียกชำระ โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 9,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2556 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย ตระกูลสุริยวนากุล (37.36%) และบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น (31.25%) สาขาแรกของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ก่อตั้ง ณ สิ้นปี 2552 บริษัทมีสาขาทั้งหมด 8 สาขา ณ สิ้นปี 2555 จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 19 สาขา และ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 21 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีพื้นที่ขายรวม 504,232 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างที่หลากหลาย รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และสินค้าตกแต่งบ้านรวมแล้วประมาณถึง 100,000 รายการ โดยมีการจัดแต่งรูปแบบร้านในแนวคลังสินค้าขนาดใหญ่และมีพื้นที่ขายเฉลี่ยต่อสาขาขนาด 22,000 ตร.ม. ยอดขายรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3,967 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 10,783 ล้านบาทในปี 2555 คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 28% และในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 3,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 ยอดขายจากสาขาเดิมเติบโตมากกว่า 10% ต่อปีมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปี 2554 ล่าสุดในช่วงปี 2555-2556 การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมเติบโตในสัดส่วนที่ลดลงแต่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจคือ 9.0% ในปี 2555 และ 8.5% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ในระดับดีที่ 8.5% ถึง 10.1% ในช่วงปี 2551 ถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด อย่างไรก็ตาม จำนวนสินค้าที่จัดเก็บของบริษัทในช่วงตั้งแต่ปี 2551 จนถึงเดือนมีนาคม 2556 อยู่ในระดับค่อนข้างสูงซึ่งส่งผลทำให้วงจรเงินสดของบริษัทมีระยะเวลานานกว่า 100 วัน ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากบริษัทมีนโยบายจัดเตรียมสินค้าให้ครบถ้วนและหลากหลาย สถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 422 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 1,257 ล้านบาทในปี 2555 เนื่องจากบริษัทมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องประกอบกับความสามารถในการทำกำไรที่สม่ำเสมอ บริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้นแม้จะมีการก่อหนี้เพิ่มจากการขยายสาขาก็ตาม อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 6 เท่าในช่วงปี 2551-2552 เป็น 8 เท่าในระหว่างปี 2553-2555 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปี 2555 ถึงไตรมาสแรกของปี 2556 โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นจนอยู่ในสถานะเกือบปลอดหนี้หลังจากได้รับเงินเพิ่มทุนจากบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น ส่งผลให้หนี้สินรวมของบริษัทลดลงจาก 2,553 ล้านบาทในปี 2554 มาอยู่ที่ 264 ล้านบาทในปี 2555 ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเพิ่มขึ้นจาก 4,422 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 9,254 ล้านบาทในปี 2555 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจึงเพิ่มขึ้นจากระดับ 35.3% ในปี 2554 เป็น 341.6% ในปี 2555 และ 37.4% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 การมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถขยายสาขาตามที่วางแผนไว้ โดยบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาอย่างน้อย 12 แห่งต่อปีในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การขยายสาขาอย่างรวดเร็วจะทำให้ระดับหนี้สินของบริษัทสูงขึ้น แต่คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การมีบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์จะช่วยให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากความชำนาญของบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้า การพัฒนาทรัพยากรบุคคล รวมถึงการเพิ่มอำนาจต่อรองกับคู่ค้า เป็นต้น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (GLOBAL) อันดับเครดิตองค์กร: A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ