สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 9.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 2, 2013 10:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,242 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,251 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด32.07 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท และกลับมาปิดที่ 18,900 บาท กับ 19,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 308 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 1,482 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.7%แบบ 10 บาท ลดลง 2% GFZ13 ปิด 19,250 บาท และ GFG13 ปิด 19,360 บาท GF10Z13 ปิดที่ 19,260 บาท GF10G13 ปิดที่ 19,350 บาท ข่าวที่สำคัญ ราคาทองคำในช่วงวันศุกร์ได้ดีดตัวขึ้นมาเล็กน้อย โดยนักลงทุนคาดว่าการปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปิดสถานะก่อนที่จะสิ้นสุดเดือนนี้ และการฟื้นตัวเล็กน้อยของความต้องการทองคำในเอเชีย หลังจากราคาอ่อนตัว โดยเฉพาะจากจีนที่อาจทำให้ราคาสร้างจุดต่ำสุดได้ และทางฝั่งตะวันตก ความต้องการทองคำอาจเพิ่มขึ้นได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสมาสต์ ซึ่งหลายๆร้านค้าปลีกก็ได้เปิดขายทองคำในช่วงคืนของวัน Thanksgiving นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรในคืนวันศุกร์ รวมถึงการคาดการณ์ว่าจีนจะซื้อทองคำแท่ง จิวเวลรี่และเหรียญทองคำเพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของทองคำนั้นยังคงขาดกำลังที่จะผลักดันให้เป็นภาวะกระทิงในเวลานี้แม้ว่าแรงความต้องการทางด้านทองคำแท่งจะแข็งแกร่งก็ตาม London Bullion Market Association เผยว่า วอลลุ่มการซื้อขายทองคำปรับตัวสูงขึ้น 7% ในเดือนตุลาคม คิดเป็น 19.8 ล้านออนซ์ต่อวัน นักวิเคราะห์จาก Kitco คาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ แนวรับของทองคำจะอยู่ที่บริเวณ 1,220 เหรียญ ขณะที่แนวต้านด้านบนจะอยู่ที่ระดับ 1,255 และ 1,290 เหรียญ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ของ Kitco มองว่าราคาทองคำมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้น หรือปรับตัวลดลงมากกว่าที่จะแก่วงตัว Sidewaysเนื่องจากการหารือกันในเรื่องงบประมาณของสหรัฐฯก็เริ่มจะกลับเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดอีกครั้งหนึ่ง โดยมีกำหนดการสิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันทองคำ ยังคงเป็นเรื่องที่เฟดจะชะลอ QE ลงภายในอีกไม่กี่ดือนข้างหน้านี้ โดยเฟดจะจับตาตัวเลขสำคัญในคืนวันศุกร์นี้ได้แก่ Non-Farm Payrolls ซึ่งหากมาดีกว่าที่คาด เฟดอาจเร่งชะลอ QE เร็วกว่ากำหนด นอกจากนี้การเทขายของกองทุน ETF ก็ยังเป็นอีกปัจจัยเชิงลบของทองคำ ตลอดเดือนพฤศจิกายน SPDR มีการเทขายทองคำออกไปทั้งสิ้น 28.81 ตัน ปัจจุบันคงทองที่ระดับ 843.21 ตัน ขณะที่ตลอดปี 2013 SPDR เทขายทองคำออกไปแล้วทั้งสิ้น 507.61 ตัน เอกอัครราชทูตของอิหร่าน กล่าวว่า การค้าทองคำระหว่างตุรกีกับอิหร่านจะกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ในอิหร่านคลี่คลายลง ในวันนี้จะเป็นวัน First Delivery Day สำหรับสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมของตลาดนิวยอร์ก รายงานการประชุมเฟดเดือน ต.ค. สื่อว่าสมาชิกเฟดอาจจะตัดสินใจชะลอ QE ได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จากสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าคาดอาจทำให้เฟดเลื่อนการชะลอเร็วขึ้น ด้านนาย Robin Bhar นักวิเคราะห์ของ Societe Generale กล่าวว่า ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่เฟดอาจชะลอ QE ในเดือน ธ.ค.ออกไปได้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ต่ำกว่า 50% นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้มองว่าเฟดจะไม่ชะลอ QE ภายในการประชุมที่จะเกิดขึ้น 17-18 ธ.ค.นี้จนกว่าจะถึงปีหน้า ซึ่งส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดน่าจะพิจาณาปรับลด QE ในการประชุมเดือน มี.ค. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่าย เชื่อว่า การแถลงการณ์ของนายเบน เบอนันเก ประธานเฟด ในวันนี้เวลา 20.30น. น่าจะยังไม่กล่าวถึงเรื่องการชะลอ QE แต่จะเป็นการพูดทั่วไปเกี่ยวกับข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเรื่องอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในเดือน ธ.ค.นี้ ได้แก่ ปัจจัยเรื่องความคืบหน้าในการหารือเรื่องงบประมาณ ซึ่งข้อตกลงเมื่อกลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ได้ทำให้รัฐบาลสหรัฐปิดตัวลงบางส่วน เฉพาะในส่วนงบประมาณที่จะให้แก่รัฐไปถึงช่วงต้นปี 2014 เท่านั้น ขณะที่สมาชิกคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐ 29 คน กำลังเจรจากันในประเด็นนี้กันใหม่ ซึ่งมีกำหนดการสิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. เพื่อบรรลุข้อตกลงให้รัฐสภาพิจารณาก่อนจะหมดอำนาจในการใช้งบประมาณในกลางเดือน ม.ค. อย่างไรก็ดีนายจอห์น โบห์เนอร์ กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าการตกลงเรื่องงบประมาณปี 2014 น่าจะตกลงกันได้ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนวันที่ 15 ม.ค. รัฐสภาก็เตรียมที่จะผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวโดยกฎหมาย Budget Control Act ที่ให้มีการให้งบในส่วน Discretionary Spending (งบประมาณที่ขึ้นกับการตัดสินใจของรัฐสภาเท่านั้น และเป็นส่วนที่นอกเหนือจากงบสำหรับโครงการสวัสดิการต่างๆ) จำนวน 9.67 แสนล้านดอลลาร์ หลังการตัดลดงบประมาณทุกส่วนโดยอัตโนมัติในเดือน ม.ค. (หมายถึง รีพลับลิกันจะยังคงการตัดลดงบประมาณ แม้ว่าการเจรจาจะล้มเหลวนั่นเอง) ดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของจีนประจำเดือนพฤศจิกายนปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แตะระดับ 51.4 บ่งบอกถึงสถานะเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่งขึ้นจากการพยายามปรับปรุงเครดิต โดยดัชนีภาคการผลิต สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3583 ยูโร/ดอลลาร์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซน ได้ปรับลดความเป็นไปได้ที่ว่า อีซีบีจะผ่อนคลายทางการเงินต่อไป อย่างไรก็ดี การประกาศตัวเลขภาวะเงินเฟ้อของยุโรปนั้นเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าระดับ1%เป็นครั้งที่สองของเดือนซึ่งก็ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งจากเพดานที่อีซีบีได้ตั้งเป้าหมายไว้ตัวเลขเงินเฟ้อยุโรป เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.9% จากเดิม 0.7% ที่ยังคงแสดงถึงความอ่อนแอทางด้านเศรษฐกิจอยู่ในเวลานี้ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไซปรัสลง จากเดิม CCC+ เหลือเพียง B- เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าไซปรัสมีความเสี่ยงที่อาจผิดนัดชำระหนี้ได้ นายลูอีส เดอ กวินดอส รัฐมนตรีเศรษฐกิจสเปน กล่าวว่า รัฐบาลสเปนเตรียมดำเนินการปฏิรูปแรงงานครั้งที่ 2 ในปี 2557 ซึ่งจะเป็นเพียงสัญญาอีกฉบับ และทำให้สัญญาการจ้างงานพาร์ทไทม์ยืดหยุ่ยนมากขึ้น ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนจับตายอดการขายสินค้าในเทศกาล Black Friday ทางด้านการเมืองไทย นักวิเคราะห์คาดว่า สถานการณ์การเมืองไทยน่าจะเริ่มผ่อนคลายขึ้น เนื่องจากใกล้วันเฉลิมพระพรรษาขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ - ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 56.4 คาดการณ์จะลดลงอยู่ที่ระดับ 55.2 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำในช่วง 2 วันท้ายของสัปดาห์เป็นช่วงวันหยุดยาวมีปริมาณการซื้อขายเพียงเบาบาง โดยที่ราคาทองคำกลับขึ้นมาปิดที่บริเวณ 1,252 เหรียญ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ISM Manufacturing PMI ที่คาดว่าจะออกมาแย่ลงจากเดิมที่ระดับ 56.4 สู่ระดับ 55.2 อย่างไรก็ดี SPDR ยังคงเหลือการถือครองทองคำเพียง 843.21 ตัน วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ค่าเงินบาทยังคงอ่อนตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 32.24 บาท/ดอลลาร์ในเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นตัวผลักดันราคาทองคำของไทยให้ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบด้านบนบริเวณ 19,000 บาท/บาททองคำ วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิคได้ว่า โดยภาพรวมราคาทองคำของต่างประเทศเคลื่อนตัวแบบ Sideways โดยมีแนวรับบริเวณ 1,230 เหรียญ และแนวต้านด้านบนบริเวณ 1,255 เหรียญ สำหรับราคาทองคำของไทยดูจะค่อยๆเป็นการเคลื่อนตัวสูงขึ้นตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมเมื่อ 3 เดือนก่อน ที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำไทยทรงตัวบริเวณ 19,000 บาท/บาททองคำได้ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเป็นการเล่นสั้นและต้องระมัดระวังการดึงราคาขึ้นจากค่าเงินบาทด้วย ยังคงแนะนำให้เป็นการขายก่อนเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้นมากๆทั้งราคาทองคำไทยและราคาทองคำในหน่วยดอลลาร์ ในกรณีที่มีสภาวะขาดทุนก็แนะนำให้หาจุดหยุดในการตัดขาดทุนภายในสองวัน โดยใช้กลยุทธ์การเล่นสั้นและใช้ Stop Loss ตามราคาด้วย นักลงทุนที่ถือ Long Position ยังคงแนะนำให้ปิดสถานะ Long Position ทำกำไรเป็นช่วงๆ ระมัดระวังการขาดทุนของค่าเงินบาทที่ดึงราคาขึ้นมาสูง ให้เล่นสั้นเพื่อที่จะปิดสถานะความเสี่ยงของค่าเงินบาท นักลงทุนที่ถือ Short Position ยังคงแนะนำให้ปิดสถานะ Short Position เพื่อทำกำไรเป็นช่วงๆ ต้องระมัดระวังการขาดทุนของค่าเงินบาทที่ดึงราคาขึ้นมาสูง ให้เล่นสั้นเพื่อที่จะปิดสถานะความเสี่ยงของค่าเงินบาท Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,350 บาท Gold Futures G14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,260 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,460 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ