ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร &พันธบัตรไม่มีประกัน ?บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย? เป็น ?AA-? จาก ?A+? ด้วยแนวโน้ม ?Stable?

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 3, 2013 13:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและพันธบัตรไม่มีประกันของ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เป็นระดับ ?AA-? จากระดับ ?A+? ด้วยแนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจและการเงินของ บตท. ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาลในฐานะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งถือหุ้น 100% โดยกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ บตท. มีบทบาทในการส่งเสริมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยและมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการได้รับสิทธิพิเศษด้านกฎหมายและการยกเว้นภาษีภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 รัฐบาลยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนโดยการอนุมัติเงินเพิ่มทุนในปีงบประมาณ ด้วยอันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. มีแนวโน้มที่ดีหลังประสบความสำเร็จจากโครงการความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้พอร์ตสินเชื่อโตขึ้น 3 เท่าจากปีก่อน นอกจากนี้ บตท. ยังมีกำไรติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีแม้จะมีความผันผวน อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. มีข้อจำกัดจากปัจจัยหลายประการ อาทิ การคงระดับและการเพิ่มขนาดของพอร์ตให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลง และภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจในตลาดแรกที่ไม่เอื้ออำนวย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ในระยะปานกลางว่าผู้บริหารของ บตท. จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งสามารถซื้อพอร์ตสินเชื่อจำนวนมากจากสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรได้ตามแผน แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของ บตท. กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต บตท. ก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้ พ.ร.ก. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ต่อมาในเดือนมกราคม 2552 กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้แก่ บตท. อีก 100 ล้านบาท และล่าสุดกระทรวงการคลังยังอนุมัติการเพิ่มทุนให้อีกจำนวน 130 ล้านบาทสำหรับปีงบประมาณ 2557 ซึ่งเงินทุนดังกล่าวสามารถซื้อพอร์ตสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นจาก 27,000 ล้านบาทเป็น 31,000 ล้านบาท คณะกรรมการของ บตท. ประกอบด้วยตัวแทนที่หลากหลายจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมที่ดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยผู้มีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เหมาะสมอีก 4 ตำแหน่งและกรรมการผู้จัดการของ บตท. ทั้งนี้ โครงสร้างคณะกรรมการของ บตท. มีความเหมาะสมในการรองรับการดำเนินงานตามพันธกิจ เป้าหมายในการก่อตั้ง บตท. คือ การสร้างตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเสนอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราคงที่ระยะยาวแก่ผู้ซื้อบ้าน ซึ่งประมาณ 80% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพอร์ตของ บตท. เป็นการซื้อมาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในตลาดแรกแล้วนำมารวมกันเพื่อสร้างตราสารทางการเงินที่มีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังและขายตราสารดังกล่าวให้แก่นักลงทุน บตท. มีโอกาสทางธุรกิจที่ดีขึ้นหลังจากสามารถบรรลุเป้าหมายกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายประการ ตัวอย่างคือการขยายความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินพันธมิตรเป็นจำนวนมากและพันธมิตรดังกล่าวได้ขายพอร์ตสินเชื่อมาให้ บตท. ตั้งแต่ปี 2552-2556 โดย บตท. ได้สร้างยอดสินเชื่อคงค้างใหม่อีกประมาณ 152 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2553 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 392 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2554 ในปี 2555 บตท. ได้ซื้อสินเชื่อใหม่จากโครงการร่วมมือกับพันธมิตรรวม 3,256 ล้านบาท บตท. ยังมีแผนจะเพิ่มพันธมิตรใหม่มากขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลให้ บตท. มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 1,732 ล้านบาท ในปี 2554 เป็น 4,756 ล้านบาทในปี 2555 และเป็น 4,599 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 การควบคุมคุณภาพสินเชื่อเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับ บตท. เนื่องจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ บตท. มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 329 ล้านบาทในปี 2550 หลังจากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาทในปี 2549 และ 120 ล้านบาทในปี 2548 ภายหลังจากการตัดจำหน่ายหนี้สูญจำนวน 318 ล้านบาทในปี 2550 แล้ว อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ บตท. ก็ลดลงจาก 39.79% ในปี 2549 มาอยู่ที่ระดับ 6.90% ในปี 2550 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 8.94% ในปี 2551 และเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 18.84% ในปี 2554 ในปี 2555 ผลจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของพอร์ตสินเชื่อทำให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ 5.57% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 6.32% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับ 3.01% ของธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง และระดับ 4.81% ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 7 แห่ง อย่างไรก็ตาม สัดส่วน 71% ของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ บตท. เป็นสินเชื่อที่จัดซื้อก่อนปี 2549 ในขณะที่ 29% เป็นสินเชื่อที่ซื้อมาในปี 2552-2555 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของสินเชื่อที่จัดหามาในช่วงปี 2552-2555 ซึ่งเป็นช่วงที่สินเชื่อของ บตท. เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจจำกัดการขยายธุรกิจและการทำกำไรของ บตท. ในอนาคต ในปี 2551 บตท. รายงานผลกำไรสุทธิ 22 ล้านบาทหลังจากขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปี และรายงานผลกำไรสุทธิ 26 ล้านบาทในปี 2552 ในขณะที่ในปี 2553 บตท. มีกำไรสุทธิเพียง 0.3 ล้านบาทเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS39 และการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน ในปี 2554 กำไรสุทธิของ บตท. ฟื้นตัวขึ้นเป็น 4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 9.9 ล้านบาทในปี 2555 จากการขยายตัวของสินเชื่อและการมีค่าใช้จ่ายสำหรับรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับครึ่งแรกของปี 2556 บตท. มีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เข้ามาจากพอร์ตสินเชื่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ฐานเงินทุนหลักของ บตท. มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 มีสัดส่วนคิดเป็น 84% ของเงินทุนรวม ในเดือนกรกฎาคม 2556 บตท. เพิ่มแหล่งเงินทุนโดยการออกพันธบัตร 1,000 ล้านบาท ทำให้ฐานเงินทุนที่มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นลดลงเหลือ 67% นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 บตท. วางแผนจะหาแหล่งเงินทุนจากการออกตราสารทางการเงินซึ่งมีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (Mortgage-backed Securities -- MBS) เพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าและระยะเวลาของสินเชื่อที่ซื้อมา 2,000 ล้านบาท บตท.ประสบความสำเร็จในการออก MBS และตราสารทางการเงินซึ่งมีกระแสเงินสดจากสินทรัพย์หนุนหลัง (Asset-backed Securities -- ABS) ถึง 5 ครั้ง ซึ่งหากการออกตราสาร MBS และ ABS ประสบความสำเร็จก็จะส่งผลบวกต่อ บตท. กล่าวคือ จะช่วยให้ บตท. สามารถทำตามพันธกิจในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและจะช่วยเพิ่มประเภทของตราสารทางการเงินใหม่ ๆ เช่น MBS เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุน และจะช่วยลดความไม่สมดุลระหว่างโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินของ บตท. ในปัจจุบัน บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (SMC) อันดับเครดิตองค์กร: AA- อันดับเครดิตตราสารหนี้: SMC147A: พันธบัตรไม่มีประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA- SMC147B: พันธบัตรไม่มีประกัน 350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ