กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้เชี่ยวชาญบ้านเดี่ยว ที่มีประสบการณ์มากว่า 36 ปี ประกาศความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงใน วงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประกาศแผนรุกตลาดบ้านในปีหน้า เปิดกลยุทธ์การตลาดในการหาช่องว่างใหม่ ๆ ตามความเชี่ยวชาญ และยังเจาะเซกเมนท์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ด้วย 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบที่มาจากราคาน้ำมัน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น ตลอดจนปัจจัยลบต่าง ๆ ที่มีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภคและการลงทุนของผู้ประกอบการ ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอตัวลงด้วย ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อนำเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในปี 2548 นี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตประมาณ 10-15% และตัวเลขจดทะเบียนบ้านใหม่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 60,000-70,000 ยูนิต โดยหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าในตลาดระดับกลาง-ล่าง มากขึ้น เพราะว่าตลาดในระดับนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า อันสืบเนื่องมาจากปัจจัยราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ส่งผลกับภาวะการเงิน ทั้งเงินเฟ้อ รวมไปถึงภาวะดอกเบี้ย ขาขึ้น ผู้บริโภคจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ประหยัดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีราคาถูกลง ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮาส์ในเมืองราคา 3-5 ล้านบาท คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองหรือตามแนวรถไฟฟ้าราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง มีไลฟ์สไตล์ (Life style) ที่ต้องการความสะดวกสบาย รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ได้เป็นอย่างดี
ส่วนแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2549 ตลาดทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม คาดว่ามีการแข่งขันสูง และมีการเปิดตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้ประกอบการหลายรายต่างประกาศตัวที่จะลงมาแข่งขัน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยคาดว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าจะเติบโตประมาณ 10-15% โดยจำนวนผู้ประกอบการจะลดลง เหลือเพียงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นมืออาชีพจริง ๆ จึงจะสามารถแข่งขันอยู่ในตลาดได้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย มีโอกาสปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 7-8% แต่ในส่วนนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคมากนัก เนื่องจากว่าในช่วงต้นปี จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนและการจ่ายโบนัสของบริษัท ต่าง ๆ ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้จะสามารถครอบคลุมทั้งอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ดังนั้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ผู้บริโภคก็ยังสามารถผ่อนชำระค่าบ้านได้ สำหรับแนวโน้มด้านราคาที่อยู่อาศัย มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นประมาณ 5%
กรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อ ถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีหน้าว่า บริษัทยังคงดำเนินงานโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยสินค้า และบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และคุ้มราคา และบริหารงานโดยคำนึงถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม โดยในในปี 2549 ธารารมณ์ วางกลยุทธ์การรุกตลาดบ้าน ให้สอดรับกับสถานการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยการแสวงหาช่องว่างทางการตลาดใหม่ ๆ ตามความถนัดและความเชี่ยวชาญของบริษัท นอกจากนี้ยังได้เจาะหาเซกเมนท์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยบริษัทมีฐานข้อมูลทั้งการวิจัยตลาดและข้อมูลลูกค้าที่ทำให้เราเข้าใจตลาด เข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เป็นลูกค้า โดยในปีหน้า บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 4 โครงการในทำเลที่เรามีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว และพบว่ายังปริมาณความต้องการบ้านที่แท้จริงอยู่ โดยเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์โฮมออฟฟิศ รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่
1. โครงการบ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น ในซอยรามคำแหง 150 มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท
2. โครงการทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ย่านรามคำแหง มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท
3. โครงการ ทาวน์เฮาส์โฮมออฟฟิศ 3-4 ชั้น หัวหมาก มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท
4. โครงการ ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ในย่านฝั่งธนฯ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท
โดยบริษัท ตั้งเป้ายอดขายของปี 2549 ไว้ที่ 2,300 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8โครงการ ได้แก่ โครงการพรอเมนาด โฮม ธนบุรี, โครงการพาร์คเวย์ ชาเลย์ รามคำแหง, โครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล, โครงการการ์เด้น สวีท, โครงการการ์เด้น สวีท ดิ อินดี้, โครงการธารารมณ์ บางกะปิ, โครงการธารารมณ์ หัวหมาก และโครงการการ์เด้น คอนโด มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท
“สำหรับปี 2549 คาดว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่จะกระทบเข้ามามีผลต่อธุรกิจฯ แต่ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 36 ปีของบริษัทฯ ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งรูปแบบโครงการที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งแต่ละโครงการล้วนประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ทั้งด้านยอดขาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า นั่นย่อมแสดงถึงความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงของธารารมณ์ เราเชื่อมั่นว่า ด้วยความเป็นมืออาชีพและความตั้งใจจริงของธารารมณ์ในการมุ่งพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค จะทำให้เราสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป” นายวสันต์ กล่าวในที่สุด
โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปัจจุบันของ
บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
พาร์คเวย์ ชาเล่ต์ รามคำแหง : PWC
มูลค่าโครงการทั้งหมด 4,070 ล้านบาท (รวม 3 Phase)
มูลค่าโครงการที่เปิดขาย Phase1 403 X 4.02 = 1,620 ล้านบาท
เนเบอร์โฮม วัชรพล : NBH
มูลค่าโครงการทั้งหมด 4,046 ล้านบาท (รวม 3 Phase)
มูลค่าโครงการที่เปิดขาย Phase 800 X 3.38 = 2,700 ล้านบาท
พรอเมนาดโฮม ธนบุรี : PMH
มูลค่าโครงการทั้งหมด 5,012 ล้านบาท (รวม 3 Phase)
มูลค่าโครงการที่เปิดขาย Phase 1 256 X 5.86 = 1,500 ล้านบาท
การ์เด้น สวีท ดิ อินดี้ โฮม : GDS INDY
มูลค่าโครงการทั้งหมด 1,351 ล้านบาท (รวม 2 Phase)
มูลค่าโครงการที่เปิดขาย Phase 1 341 X 2.55 = 871 ล้านบาท
มูลค่าของโครงการทั้งหมด 14,479 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
โยชนา คิดรอบ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ จิดาภา ประมวลทรัพย์, นันทพร บุญ-หลง,
บมจ.ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร.0-2318-0083, 0-2319-0833 โทร.0-2693-7835-8 ต่อ 32, 33, 0-1817-7153
โทรสาร 0-2319-0858 โทรสาร 0-2693-6920
E-mail: pr_tararom@yahoo.com E-mail: jidapa@siampr.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--