กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--sekret communications
จากความพยายามของผู้หญิงหลายคนซึ่งมีความใฝ่ฝันที่จะได้เป็น “คุณแม่” แต่ยังไม่ได้เป็นดังใจหวังด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะต้องทำงานหารายได้เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก ครั้นเมื่อพร้อมจะมีครอบครัว อายุก็เริ่มเข้าสู่เลข 3 ไปแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะมีลูกได้เองตามธรรมชาติก็ดูเหมือนจะเลือนลางลงเรื่อยๆ เหตุเพราะรังไข่เริ่มเสื่อมการทำงานลง แม้ในกรณีที่ตั้งครรภ์ได้ก็ยังต้องประสบกับปัญหาการแท้งบุตร หรือมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ทารกที่ผิดปกติสูงขึ้น ซึ่งนับเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากขึ้นในผู้หญิงยุคปัจจุบัน ดังนั้นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์จึงมีบทบาทมากขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหามีบุตรยากและการแท้งซ้ำเหล่านี้ สาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยนั่นก็คือ ตัวอ่อนมีความผิดปกติด้านโครโมโซม ซึ่งสามารถพบได้ตามธรรมชาติมากถึง 40% และจะพบได้มากขึ้นตามอายุของผู้หญิง
แพทย์หญิงวีณา ครุฑสวัสดิ์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และภาวะการมีบุตรยาก ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนที่มีผลสำเร็จด้านอัตราการตั้งครรภ์ในระดับสากลและมีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย กล่าวว่า จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่าการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปี พบการแท้งได้ประมาณ 10% ของการตั้งครรภ์ อายุ 35-39 ปี พบได้ 30% และอายุเกินกว่า 40 ปีพบได้ถึง 40% เหตุเพราะรังไข่ของผู้หญิงที่อายุมากจะผลิตไข่ที่ด้อยคุณภาพ เมื่อไข่เหล่านี้ได้รับการปฏิสนธิก็มีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางโครโมโซม ส่งผลให้ตัวอ่อนเหล่านี้ไม่สามารถฝังตัวทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ หรือแม้กระทั่งฝังตัวได้ก็มีโอกาสที่จะแท้งหรือพัฒนาเป็นทารกแรกเกิดที่มีความผิดปกติได้สูงขึ้น
หากสามารถตรวจหาความผิดปกติของตัวอ่อนก่อนที่จะย้ายกลับเข้าไปในมดลูกว่าตัวอ่อนตัวใดปกติก็จะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ให้สูงขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรลงได้ ซึ่งการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนจึงมีประโยชน์มากในกลุ่มจำเพาะที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความผิดปกติของทารก ปัจจุบันได้มีเทคนิคการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนด้วยวิธีซีจีเอช (CGH) เป็นวิธีการตรวจหาความผิดปกติของตัวอ่อนใหม่ล่าสุดที่ให้ผลการตรวจที่แม่นยำและสามารถตรวจได้ครบทุกโครโมโซมมากกว่าการตรวจด้วยวิธีดั้งเดิมคือการตรวจด้วยเทคนิคที่เรียกว่า FISH (Fluorescent In Situ Hybridization) ที่สามารถตรวจโครโมโซมได้เพียง 8-10 คู่ และอาจทำให้ต้องสูญเสียตัวอ่อนที่ปกติไป
แพทย์หญิง วีณา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “โอกาสประสบความสำเร็จจากการทำเด็กหลอดแก้วและการวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน นอกจากจะอาศัยเทคนิค CGH ซึ่งได้ผลการตรวจแม่นยำถึง 99% แล้วยังต้องอาศัยทีมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ในห้องปฏิบัติการที่มีความพร้อมและมีประสบการณ์ด้วย โดยไม่สามารถขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ซึ่งทาง“ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที.” เป็นอีกหนึ่งศูนย์ที่นำเทคนิค CGH มาใช้ในประเทศไทย มีความพร้อมและประสบการณ์ในการให้บริการ ซึ่งวัดผลความสำเร็จได้จากเปอร์เซนต์ของการตั้งครรภ์ของคู่สมรสที่ขอรับบริการจากการใช้เทคนิคการตรวจ CGH ที่สูงมากถึง 60%”
และแล้วคุณแม่ที่เคยหวาดกลัวกับปัญหาการแท้งซ้ำ ก็จะหมดไป ด้วยผู้ช่วยอย่างเทคนิค CGH ที่จะลดอัตราการแท้ง และเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ พร้อมกับความสุขของการรอรับลูกน้อยที่จะเกิด เพราะแม่คือผู้ให้ชีวิตอย่างแท้จริง