15 องค์กร ชูแนวคิดภาครัฐแนวใหม่ จับมือเคลื่อนงานพัฒนาชาติ

ข่าวทั่วไป Monday March 9, 2015 12:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จากการพัฒนาประเทศช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา องค์กรตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เฉพาะ ถือเป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วย 15 หน่วยงาน ที่มีทั้งองค์กรด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา และกองทุนสนับสนุน ที่ผ่านมาได้มีการรวมตัวเพื่อการเชื่อมโยงและเสริมพลังการทำงาน ตลอดจนการพัฒนาประเด็นความร่วมมือใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาประเทศมาเป็นระยะ ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ ได้ดำเนินมาจนเกิดการพัฒนาแนวคิดการจัดตั้งกลไกกลางที่มีประสิทธิภาพในระดับผู้บริหาร นำมาสู่การร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ประชุมผู้บริหารองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ” เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมา วัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อประสานพลังและบูรณาการงานตามภารกิจของแต่ละองค์กรที่จะนำไปสู่การสนับสนุนกระบวนการพัฒนาประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อเกิดความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนและจัดการความรู้ระหว่างองค์กร รวมถึงการถ่ายทอดบทเรียนองค์ความรู้สู่องค์กรของรัฐตาม พ.ร.บ.เฉพาะที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาประเทศและสังคม โดยการลงนามความร่วมมือดังกล่าวได้จัดขึ้น ณ อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.เฉพาะ กล่าวว่า องค์กรของรัฐตาม พ.ร.บ.เฉพาะ นับเป็นพัฒนาการสำคัญขององค์กรภาครัฐ ที่สะท้อนแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ ที่มีภารกิจการทำงานเพื่อประเทศชาติและมีกฎหมายรองรับในบริบทที่แตกต่างกัน ภายใต้แนวคิดการก่อตั้งในลักษณะเดียวกัน โดยทุกองค์กรถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเติมเต็มการทำงานที่ระบบราชการมีข้อจำกัด เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีลักษณะการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น มีอิสระคล่องตัว เพิ่มการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของหลายภาคส่วน ตลอดจนเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น “ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา องค์กรตาม พ.ร.บ.เฉพาะได้มีการรวมตัวกันเพื่อเชื่อมประสานความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ อาทิ การจัดเวทีประชุมหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง การจัดประชุมวิชาการ การจัดกิจกรรมกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ ฯล ทำให้เกิดการประสานการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าการจัดกลไกกลางเพื่อการประชุมผู้บริหารองค์กรรัฐตาม พ.ร.บ.เฉพาะ ระหว่าง 15 องค์กร หรือ เรียกย่อๆ ว่า ทอพ.นั้น จะเป็นกลไกสำคัญในการบริหารและขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างมีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น โดยมีสำนักงานเลขาธิการเป็นทีมทำงานที่มีตัวแทนจากองค์กรทั้งหมด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมจะเสริมพลังกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของการทำงานในทุกด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน” ดร.ทวีศักดิ์ กล่าว ด้าน นพ.ภูษิต ประคองสาย รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า สวรส.ในฐานะที่เป็นองค์กรตาม พ.ร.บ.เฉพาะที่อยู่ในกลุ่มมิติสุขภาพ และเป็นองค์กรทางด้านวิชาการ พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ ซึ่งการรวมตัวของแต่ละองค์กรในครั้งนี้ที่ล้วนแต่เป็นองค์กรที่มีศักยภาพในหลากหลายด้านที่พลังของการรวมตัวน่าจะเป็นต้นทุนที่ดีของการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมและส่งผลต่อการพัฒนาประเทศได้ในอนาคต ทั้งนี้ในการประชุมผู้บริหารฯ ได้มีมติให้จัดตั้งคณะทำงาน 4 คณะ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ ประกอบด้วย 1) คณะทำงานด้านระบบอภิบาลและการบริหารองค์กร ขอบเขตการทำงาน เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารและกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กรและภาพรวมของกลุ่มองค์กรที่จัดตั้งตาม พ.ร.บ.เฉพาะ ให้สามารถมีความยืดหยุ่น คล่องตัว และมีอิสระในการตัดสินใจได้ทันท่วงทีตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน 2) คณะทำงานด้านการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ขอบเขตการทำงาน เพื่อศึกษาโอกาสการพัฒนานโยบาย และแนวทางการดำเนินงาน ตลอดจนออกแบบกระบวนการการบูรณาการองค์กรเพื่อให้เกิดการประสานพลังในการที่จะนำผลงานตามภารกิจของแต่ละองค์กรไปสนับสนุนกระบวนการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการรับรู้ต่อสาธารณะ 3) คณะทำงานด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ขอบเขตการทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด วิธีการปฏิบัติงานด้านการบริหารบุคลากรและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของหน่วยงาน ซึ่งบุคลากรนับเป็นทรัพยากรสำคัญของการพัฒนาองค์กรและการพัฒนาประเทศ 4) คณะทำงานด้านการจัดการความรู้และประชุมวิชาการ ขอบเขตการทำงาน เพื่อกำหนดหัวข้อความรู้ที่มีความสนใจร่วมและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการจัดการความรู้จากประสบการณ์การดำเนินงานของแต่ละองค์กร และนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประชุมเพื่อการวางแผนการดำเนินงาน และกำกับติดตามการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระยะ เพื่อเร่งให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม หมายเหตุ : 15 องค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประกอบด้วย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา (คส.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ