โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” SUPER ล็อคเป้า 1.70 บ. หลังตั้ง BBL เป็นที่ปรึกษาจัดตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ ลุยซื้อโรงไฟฟ้าทั้งใน-ตปท. หนุนผลงานโตก้าวกระโดด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 4, 2018 14:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--IR network เซียนหุ้นเชียร์ "ซื้อ" SUPER ให้ราคาเป้าหมาย 1.70 บาท/หุ้น หลังแต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ เป็นที่ปรึกษาในการจัดตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ มูลค่า 9 พันล้านบ. - 1 หมื่นล้านบาท รองรับแผนขยายการลงทุน บิ๊กบอส "จอมทรัพย์ โลจายะ"มั่นใจผลงานปี61 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมลุยซื้อโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศเต็มเหนี่ยว บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER แนะนำ "ทยอยซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 1.70 บาทต่อหุ้น โดยประเมินว่ายังมีประเด็นสนับสนุนการเติบโตในอนาคต จากการให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เป็นที่ปรึกษาเพื่อจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) เพื่อนำโครงการในมือทยอยขายเข้ากองทุนซึ่งเป็นอีกช่องทางในการเสริมสภาพคล่องสำหรับการต่อยอดโครงการใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า พื้นฐานของ SUPER เริ่มแสดงความชัดเจนในการเติบโตขณะที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากการรับรู้รายได้โครงการต่างๆใหม่เต็มปีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามขนาด 700 MW (ถือหุ้น 51% กับพันธมิตรในเวียดนาม) ซึ่งใช้เงินลงทุนทั้งโครงการรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท (คาดเป็นส่วนเงินลงทุนของ SUPER ราว 7 – 8 พันล้านบาท) โดยบริษัทฯมีแผนเริ่มพัฒนาโครงการแรกราว 100 MW ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปสนับสนุนการสร้างรายได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังอยู่การเตรียมการใช้สิทธิการรับรู้รายได้ของโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดประมาณ 118 MW เพื่อจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดกว่า 9,000 –10,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส1/61 ด้วย จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้มีมุมมองเป็นบวกต่อแผนดังกล่าว เพราะจะช่วยเพิ่มเงินสดและทำให้ SUPER มีเงินลงทุนเพียงพอ ต่อการขยายการลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้นจึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมาย 1.60 บาทต่อหุ้น ด้านนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทำสถิติสูงสุดใหม่ ตามจำนวนกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ขณะที่การเดินเครื่องจ่ายไฟ (COD ) จะอยู่ที่ 124โครงการ จำนวน 740.6 เมกะวัตต์ ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุน คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2561 จึงจะสามารถยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนได้ ล่าสุดบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ "BBB-" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนได้รับจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และแนวโน้มเชิงบวกของอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งก็ถือเป็นประเด็นบวกสะท้อนการมุ่งมั่น และความน่าเชื่อถือในการขยายธุรกิจในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ