เตือนเกษตรกรหว่านข้าวแห้งขณะแล้งหรือฝนทิ้งช่วง เมล็ดข้าวไม่งอกจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ

ข่าวทั่วไป Tuesday August 13, 2019 11:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--กรมส่งเสริมการเกษตร นายวุฒิชัย ชิณวงศ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมโครงการพระราชดำริ การจัดการพื้นที่และวิศวกรรมเกษตร ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการแล้งฝนทิ้งช่วง ปี 2562 กรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรที่ทำนาเพาะปลูกข้าวโดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของประเทศ โดยบางส่วนไต้หันมาปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวจากวิธีการทำนาดำเป็นนาหว่านข้าวแห้งมากขึ้น เนื่องจากขาดแรงงานในการปักดำ อีกทั้งยังประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย แต่จากสถานการณ์ที่มีปริมาณฝนตกน้อยหลายพื้นที่ในระยะนี้ ปัญหาที่จะตามมาจากวิธีการหว่านข้าวแห้ง คือ จะทำให้การกระจายและความลึกของเมล็ดข้าวที่ถูกฝังกลบลงดินไม่สม่ำเสมอ ส่งผลต่อเปอร์เซ็นต์การงอกของเมล็ดข้าวและอาจมีวัชพืชขึ้นแซมในนาข้าวด้วยทำให้ผลผลิตและคุณภาพข้าวต่ำ หรือหากฝนทิ้งช่วงนานเกินไปจะทำให้เมล็ดข้าวที่หว่านไม่งอกเลย ซึ่งการเกิดความเสียหายในกรณีนี้จะไม่ได้รับการช่วยเหลือภัยพิบัติด้านพืช ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 สำหรับข้อแนะนำการปลูกข้าวในช่วงแล้งหรือฝนทิ้งช่วง เกษตรกรควรวางแผนช่วงเวลาการเพาะปลูกข้าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศในปัจจุบัน โตยติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากหน่วยงานราชการ กรมอุตุนิยมวิทยา หรือศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์แล้งฝนทิ้งช่วง ปี 2562 กรมส่งเสริมการเกษตร หรือปรับเปลี่ยนไปเพาะปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ การปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อย การทำไร่นาสวนผสม หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ให้สำรวจแหล่งน้ำในพื้นที่ เพื่อประเมินน้ำที่จะใช้ในพื้นที่ไร่นาของตนเอง การเก็บกักน้ำไว้ในไร่นา และหาแหล่งน้ำสำรอง โดยประสานกับหน่วยงานด้านแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย ส่วนการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เพื่อแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกข้าวในแต่ละรอบการผลิตกับกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถแจ้งข้อมูลได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือปรับปรุงผ่าน Mobile Application Farmbook เพื่อให้ภาครัฐทราบข้อมูลสถานการณ์การผลิตและเกษตรกรจะไต้รับความช่วยเหลือเมื่อเกิดความเสียหาย หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ