STC เผย Q4/62 แรงต่อเนื่อง รับไฮซีซั่น-ออเดอร์ทะลัก ด้านโบรกฯ ย้ำความเชื่อมั่น ประเมินราคาเป้าหมาย ที่ 1.38 บาทต่อหุ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 6, 2019 17:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--ไออาร์ พลัส STC เผยปี 62 ปีทองธุรกิจ Q4 เป็นช่วงไฮซีซั่นหนุนงานในมือจ่อรอส่งมอบเพียบ ขณะที่ งบ 9 เดือนกำไรทุบสถิติ หนุนความมั่นใจนักลงทุน STC เดินหน้าเติบโตแข็งแกร่ง และมั่นคงไปถึงปีหน้า รับโอกาสจากบิ๊กโปรเจ็กต์งานภาครัฐ และงานเอกชนฟื้นตัว มีการลงทุนระยะยาวไม่ต่ำกว่า 5 ปีจากนี้ บทวิเคราะห์ ระบุ หุ้น STC น่าสนใจ ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 1.38 บาทต่อหุ้น นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคด์ จำกัด (มหาชน)หรือ STC เปิดเผยถึง แนวโน้มไตรมาส 4/2562 เป็นไฮซีซั่นธุรกิจ เนื่องจากมีการทยอยส่งมอบงานจำนวนมาก จากลูกค้าทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่เร่งปิดงานโครงการให้แล้วเสร็จทันในปีนี้ อีกทั้ง สัญญาณบวกจากงานที่ส่งมอบให้ลูกค้าในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายน เป็นไปตามนัด และเดือนธันวาคมมีออเดอร์รอส่งอีกจำนวนมาก ทำให้ยิ่งมั่นใจว่า STC จะโดดเด่นในฐานะรายใหญ่ในธุรกิจคอนกรีตครบวงจรในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และในภาคตะวันออก ที่พร้อมจะขยายการเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากเขตพัฒนาระเบียงพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีแผนการลงทุนต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5 ปีนับจากนี้ อย่างไรก็ตาม ภาคตะวันออกและพัทยาเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และการขับเคลื่อนจากนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะเรื่องของ EEC ซึ่งถือเป็นจุดหมายสำคัญของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เป็นคลื่นลูกแรกในการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทย ทำให้เกิดการลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามมาอย่างมากมาย จึงเป็นโอกาสของ STC ซึ่งเรามีโรงงานคอนกรีตจำนวน 4 แห่ง อยู่ในพื้นที่ที่ได้เปรียบในการแข่งขัน รับโอกาสในเรื่องดังกล่าวนี้ และได้มีการขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตที่โรงงานนาวังในเฟส 1 และ เฟส 2 แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 เพิ่มโอกาสในการขยายมายังผลิตภัณฑ์ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง ความต้องการจำนวนมาก แต่คู่แข่งน้อยราย เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการปี 2562 เต็มปี และจะดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จากงานออเดอร์ของลูกค้าที่จ่อเข้ามารอไว้บางส่วนแล้ว ทำให้มั่นใจว่า ปี 2562 STC จะสามารถทำนิวไฮ บันทึกสถิติสูงสุดใหม่ทั้งรายได้และกำไร และในปี 2563 มีลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้ารอไว้แล้ว ส่วนใหญ่เป็นงานโครงการของภาครัฐ ขณะที่ภาคเอกชน ในช่วงที่ผ่านมาชะลอตัวเล็กน้อย แต่เชื่อมั่นว่า จะกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเมืองพัทยา และในโซนภาคตะวันออกแล้วเสร็จ จะเป็นปีที่ดีของ STC เช่นเดียวกัน "เรื่องของ EEC ถูกพูดถึงมาสักระยะหนึ่งแล้ว และชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราอยู่ในพื้นที่ ทำให้ STC ได้กลิ่นของ EEC ก่อนใคร จึงจัดทัพองค์กร เพิ่มกำลังการผลิต และสะท้อนมาที่ผลงานช่วง 9 เดือนปี 2562 นี้ เติบโตอย่างโดดเด่น และถือเป็นปีที่ปรับฐานกำไรให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น จากการขยายกำลังการผลิตมายังผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง นำเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารในธุรกิจคอนกรีตที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานกว่า 30 ปี ประกอบกับการมีผลิตภัณฑ์และงานบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทำให้กำลังการผลิตอยู่ในระดับที่สูงขึ้น และเกิด Economy of Scale หนุนอัตรากำไรในปีนี้โดดเด่นชัดเจน" นายเอกชัย กล่าว ล่าสุดผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 62 รายได้รวมอยู่ที่ 303.45 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 17.94 ล้านบาท เติบโตกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2561 เรียบร้อยแล้ว และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 31.78% อัตรากำไรสุทธิระดับ 5.91% ด้านบทวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ STC ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2563 อยู่ที่ 1.38 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี PE multiple โดยอิงกับเป้าหมาย PE ที่ 18.3 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย Trailing PE ของบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ และกำไรต่อหุ้นปี 20 ที่ 0.08 บาทได้มูลค่าเหมาะสมที่ 1.38 บาท จุดเด่น STC รู้จักกับลูกค้าในจังหวัดชลบุรี มานานกว่า 30 ปี อีกทั้ง บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่งานรากฐานไปจนถึงงานอาคาร พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี รวมไปถึงการปรับปรุงสูตรผสมคอนกรีตให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อควบคุม ต้นทุนและการบริหารจัดการกำลังการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คาดกำไรสุทธิปี 2562 - 2564 เติบโต 53% ต่อปี จากสมมติฐานยอดขายที่เติบโตปีละ 13% ตามการรับรู้รายได้จากงานที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนของภาครัฐภายใต้นโยบาย EEC ที่จะมีเพิ่มขึ้น อีกทั้งการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของภาคเอกชน คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 เทียบกับปี 2561 อยู่ที่ 27.5% เนื่องจากมีการประหยัดขนาดที่เพิ่มมากขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นที่ 21.4% ในปี 2562 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และลดลงที่ 19.1% และ 18.1% ในปี 2563 - 2564 จาก 21.1% ในปี 2561 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ในระดับคงที่และค่าใช้จ่ายในการขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO คราวนี้ STC มีแผนนำไปใช้สถาบันการเงินและ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ ทั้งนี้ โบรกฯ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 เพิ่มขึ้น 77%YoY ที่ 27 ล้านบาท จากสมมติฐานรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นที่ 409 ล้านบาท (+8%YoY) ผลจากการรับรู้รายได้จากงานที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนของภาครัฐภายใต้นโยบาย EEC ที่จะมีเพิ่มขึ้น อีกทั้งการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของภาคเอกชน ภาพรวมเราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 53% ในปี 2562-2564

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ