ก.ล.ต. เดินหน้าส่งเสริมหุ้นกู้ยั่งยืน ขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมอนุญาตและไฟลิ่งอีก 1 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 6, 2020 09:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--ก.ล.ต. ก.ล.ต. ส่งเสริมการเสนอขายตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ต่อเนื่อง ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมอนุญาตและไฟลิ่งไปอีก 1 ปี ถึงเดือนพฤษภาคม 2564 และเพิ่มวัตถุประสงค์การใช้เงินครอบคลุมประเทศ CLMV นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 3/2563 วันที่ 5 มีนาคม 2563 มีมติเห็นชอบหลักการในการออกประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นคำขออนุญาตและค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ (filing) หรือแบบไฟลิ่ง สำหรับการออกเสนอขาย ตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบให้เพิ่มวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน โดยขยายไปในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการพัฒนาสังคมในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จากปัจจุบันที่กำหนดให้ใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการพัฒนาสังคมในประเทศไทยเท่านั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยมีบทบาทเป็นผู้นำในการยกระดับการพัฒนาตลาดทุนของภูมิภาค รวมทั้งเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อสร้างการเติบโตของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการเสนอขายตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม และตราสารหนี้ เพื่อความยั่งยืน จำนวน 6 ราย มูลค่ารวม 40,100 ล้านบาท แบ่งเป็นตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 4 ราย ได้แก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1,900 ล้านบาท บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 5,000 ล้านบาท บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 13,000 ล้านบาท และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 10,000 ล้านบาท ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม 1 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มูลค่า 7,000 ล้านบาท และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน 1 ราย ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 3,200 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ