'บ้านปู เน็กซ์' กางแผนดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve เดินหน้าเต็มสูบ "พลังงานหมุนเวียน - แบตเตอรี่ - ซื้อขายไฟฟ้า - อีโมบิลิตี้"

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 9, 2021 09:41 —ThaiPR.net

'บ้านปู เน็กซ์' กางแผนดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve เดินหน้าเต็มสูบ

บ้านปู เน็กซ์' หนึ่งในธุรกิจเรือธงของกลุ่มบ้านปูฯ ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดแผน 5 ปี ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve ให้กับ 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพลังงานฉลาด เดินหน้าเพิ่มการลงทุน และขยายพอร์ตลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของกลุ่มบ้านปูที่ต้องการเพิ่ม EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568 รองรับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคตในยุค Never Normal

นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า "บ้านปู เน็กซ์ ได้วางแผนธุรกิจเชิงรุก หรือแผนโรดแมป 5 ปี (2564-2568) โดยดำเนินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และหลักการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG จากกลุ่มบ้านปู เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

  • เน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data Driven) โดยยึดความต้องการและปัญหาของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อนำไปวิเคราะห์ พัฒนา และออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์การดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้า รองรับเทรนด์การใช้พลังงานและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
  • เดินหน้าลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Investment) ศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสการเติบโต ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ และสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยที่มีความสามารถ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจ และสร้าง
    การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
  • รุกผลักดันธุรกิจให้เติบโตในทุกโซลูชัน (2025 EBITDA Growth) เพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ของกลุ่มบ้านปู เดินหน้าขยายพอร์ตลูกค้า เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาด พัฒนาโปรดักซ์ และบริการใหม่ๆ ของธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือธงอย่าง ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ ซื้อขายไฟฟ้า อี-โมบิลิตี้ และพลังงานฉลาด รวมถึงเดินหน้าขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง"
  • นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส - บริหารการตลาดและการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า "ธุรกิจพลังงานฉลาดเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญของบ้านปู เน็กซ์ เราจึงวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด เพื่อช่วยสร้างธุรกิจใหม่แห่งอนาคต (New S-Curve) ให้บริษัทฯ โดยเรามีแผนพัฒนา 5 โซลูชันพลังงานฉลาด และบริการใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงต่างๆ อาทิ เทคโนโลยี AI บิ๊กดาต้า ระบบคลาวด์อัจฉริยะ มาเป็นตัวขับเคลื่อน (Key Enabler) การดำเนินงาน และช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการการใช้พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรียลไทม์บนแพลตฟอร์มเดียว (Integrated Data Platform)

    โดยโซลูชันพลังงานฉลาด จะเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับใช้พัฒนา 2 ส่วน ได้แก่ 1. การพัฒนาสมาร์ทคอมมูนิตี้และสมาร์ทซิตี้ โดยโครงการที่ประสบความสำเร็จของเราที่ผ่านมา ได้แก่ พัฒนาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ จ.ชลบุรี สู่สมาร์ทแคมปัส เปิดตัวเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทย และร่วมพัฒนาโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน (Smart Safety Zone) จ.ภูเก็ต 2. การพัฒนาธุรกิจ และอุตสาหกรรมทุกประเภท ให้มุ่งสู่ความยั่งยืน ด้วยการให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดแบบครบวงจร (End-to-End) พร้อมดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบริการหลังการขายตลอด 24 ช.ม. ซึ่งเป็นจุดเด่นด้านบริการของเรา"

    "บ้านปู เน็กซ์ มั่นใจว่าแผนธุรกิจ 5 ปี จะสามารถนำองค์กรก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้ธุรกิจ โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 เพิ่มกำลังผลิตรวมของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม (Renewable) ทั้งเอเชียแปซิฟิกเป็น 1,600 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่รวม 824 เมกะวัตต์1 และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ลานจอดรถ และโซลาร์ลอยน้ำรวม 249 เมกะวัตต์1 เพิ่มกำลังการเทรดไฟฟ้าของธุรกิจ Energy Trading เป็น 1,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง ขยายการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่คุณภาพสูงของดูราเพาเวอร์และนำมาต่อยอดพัฒนาโซลูชันพลังงานอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมพัฒนาบริการธุรกิจอี-โมบิลิตี้ ให้ครบวงจรและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจุดบริการไรด์ แชร์ริ่ง เป็น 50,000 จุด เพิ่มจุดบริการคาร์แชร์ริ่ง เป็น 5,000 จุด เพิ่มจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้า และพัฒนาบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายโปรเจกต์สมาร์ทซิตี้ และคอมมูนิตี้เพิ่มเป็น 9 โครงการ จากปัจจุบัน 5 โครงการ1" นายเจมส์ กล่าวสรุป


    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ