กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--ก.ล.ต. ก.ล.ต. ดำเนินการต่อเนื่องเพื่อยกระดับบรรษัทภิบาลที่ดีของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ล่าสุด กำหนดเกณฑ์ให้บริษัทจัดการ ในฐานะผู้แทนกองทุน ทั้งกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ต้องไปใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในนามของกองทุน (proxy voting) เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของกองทุน และต้องเปิดเผยแนวทางการใช้สิทธิออกเสียง เพื่อให้ผู้ลงทุนตรวจสอบได้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยถึงการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวว่า “ การที่กองทุนไปใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหุ้น นอกจากจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนแล้ว ยังช่วยสนับสนุนบทบาทของผู้ถือหุ้นในการทำหน้าที่อนุมัติการทำธุรกรรมสำคัญ ๆ ที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลกระทบ และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ก.ล.ต. จึงได้กำหนดเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำให้บริษัทจัดการในฐานะผู้แทนกองทุน ต้องไปใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น หรือ มูลค่าหุ้น อาทิ การจ่ายเงินปันผล การเพิ่ม / ลดทุน การปรับโครงสร้างหนี้ การทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน การแต่งตั้ง / ถอดถอน กรรมการบริษัท หรือ ผู้สอบบัญชี เป็นต้น ” “เรื่องนี้ ถือเป็นหนึ่งในแผนงานด้านบรรษัทภิบาลของ ก.ล.ต. และเป็นความพยายามที่จะให้ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน เป็นกลไกส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนมีการบริหารจัดการที่ดีตามหลักบรรษัทภิบาล ซึ่งจะนำมาทั้งคุณภาพและความน่าเชื่อถือแก่บริษัทจดทะเบียน และตลาดทุนไทย ” นายธีระชัย กล่าวสรุป (สรุปสาระสำคัญของเกณฑ์ดังกล่าวปรากฏตามเอกสารแนบ) ประกาศที่เกี่ยวข้อง 1. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ สน. 1/2548 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทจัดการในนามกองทุน และการเปิดเผยข้อมูล 2. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ อน. 1/2548 เรื่อง แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทจัดการในนามกองทุน และการเปิดเผยข้อมูล สาระสำคัญของประกาศ กรณีกองทุนรวม บริษัทจัดการจะต้องดำเนินการ : กำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงอย่างชัดเจน โดยแนวทางดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของบริษัทจัดการ ใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประโยชน์ของกองทุนรวม เช่น การจ่ายเงินปันผล การเพิ่ม / ลดทุน การปรับโครงสร้างหนี้ การทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน การซื้อขายทรัพย์สินสำคัญ ๆ การแก้ไขข้อบังคับบริษัท และการแต่งตั้ง / ถอดถอนกรรมการบริษัท หรือ ผู้สอบบัญชี เป็นต้น มีระบบงานที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบการดำเนินการใช้สิทธิออกเสียง เปิดเผยแนวทาง และการดำเนินการใช้สิทธิออกเสียง จัดเก็บเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี ระบุข้อความในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญว่า ผู้ลงทุนสามารถตรวจดูแนวทางและการดำเนินการใช้สิทธิออกเสียงได้จากวิธีใดบ้าง ในกรณีที่ลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ได้มอบหมายให้บริษัทจัดการใช้สิทธิออกเสียงแทนตน บริษัทจัดการจะต้องปฏิบัติในทำนองเดียวกับกรณีของกองทุนรวม และรายงานให้ลูกค้าทราบเมื่อได้มีการใช้สิทธิออกเสียงแล้ว สำหรับกรณีที่ลูกค้าไม่ได้มอบหมายให้บริษัทจัดการใช้สิทธิออกเสียง หากเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทจัดการจะต้องเสนอความเห็นเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียง ให้คณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทราบทุกครั้ง หากเป็นกองทุนส่วนบุคคล บริษัทจัดการอาจเสนอความเห็นเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงให้ลูกค้าทราบก็ได้--จบ--