การค้าระหว่างประเทศของไทยภายใต้เอฟทีเอ ในรอบ 9 เดือนมีแนวโน้มดี

ข่าวทั่วไป Thursday November 2, 2006 12:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--ปชส.จร. กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศคู่ค้าภายใต้การเปิดเขตการค้าเสรีกับ 4 ประเทศ โดยรวมในรอบ 9 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นทุกประเทศ เป็นผลมาจากการส่งออกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศคู่เจรจาเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ประกอบด้วย ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน และ อินเดีย ในช่วง 9 เดือน(ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2549 มูลค่าการค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยไทยได้ดุลการค้ากับประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ในขณะที่ขาดดุลการค้าโดยรวมกับประเทศจีน แต่ในส่วนที่มีข้อตกลงเปิดการค้าเสรีกับจีน ไทยได้เปรียบดุลการค้า โดยการค้าในภาพรวมที่เพิ่มขึ้นนื้เป็นผลมาจากไทยสามารถส่งออกไปประเทศเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่การนำเข้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยมีการนำเข้าสินค้าประเภทวัตถุดิบ และสินค้ากึ่งวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออกของประเทศ สำหรับการค้าระหว่างประเทศของไทยกับออสเตรเลีย การค้าโดยรวมมีมูลค่า 221,297.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยไทยสามารถส่งออกไปออสเตรเลียเป็นจำนวน 119,950.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.64% มูลค่านำเข้า 101,347.1 ล้านบาท ลดลง 2.31% ไทยได้ดุลการค้า 18,602.9 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญภายใต้ เอฟทีเอ ประกอบด้วย รถบรรทุกแวน รถปิคอัพ และรถยนต์นั่งอื่นๆ สิ่งก่อสร้าง และส่วนประกอบที่ทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้า เครื่องปรับอากาศที่ประกอบด้วยพัดลม ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก ปลาโบนิโต เป็นต้น ในขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย ทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป อะลูมิเนียม ฝ้าย ถ่านหินบิทูมินัส เป็นต้น ส่วนการค้าระหว่างประเทศของไทยกับนิวซีแลนด์ การค้าโดยรวมมีมูลค่า 22,067.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.58% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยไทยสามารถส่งออกไปยังนิวซีแลนด์มีมูลค่า 13,957.3 ล้านบาท ลดลง 4.13% มีการมูลค่า 8,110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.19% ไทยได้ดุลการค้า 5,847.1 ล้านบาท นางสาวชุติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญภายใต้เอฟทีเอ ประกอบด้วย รถบรรทุกดีเซล และรถยนต์นั่งอื่นๆ ปลาทูน่า ปลาสคิป แจ็ก ปลาโบนิโต โพลิเอทีลีน เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย นมผง อาหารปรุงแต่งที่ผสมนมสำหรับใช้เลี้ยงทารก มันเนย ไม้สน เยื่อไม้ กระดาษ เป็นต้นสำหรับการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีน การค้าโดยรวมมีมูลค่า 707,000.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.06% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีการส่งออก 319,714.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.97% มีการนำเข้า 387,285.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.76% ไทยขาดดุลการค้า 67,570.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการค้าระหว่างไทยกับจีนโดยรวมไทยจะเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า แต่ภายใต้การเปิดการค้าเสรีที่ไทยมีข้อตกลงกับจีน ที่เปิดเสรีสินค้าภายใต้พิกัดอัตราศุลกากร 01-08 ซึ่งเป็นสินค้าประเภทผักและผลไม้ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน เป็นจำนวน 11,043.1 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าโดยรวมอยู่ที่ 22,662.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.18% เป็นการส่งออกมูลค่า 16,852.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.98% เป็นการนำเข้า 5,809.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.76% โดยสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้เอฟทีเอ ประกอบด้วย หน่วยเก็บของเครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ กรมเทเรฟทาลิก ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักร ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็ก เครื่องอุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นต้น สำหรับการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินเดีย มีการค้าโดยรวมเป็นมูลค่า 95,192.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.09% เป็นการส่งออกมูลค่า 48,503.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.53% การนำเข้ามูลค่า 46,689.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.24% ไทยได้ดุลการค้า 1,813.2 ล้านบาท ส่วนการค้าภาพรวมภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับอินเดีย จำนวน 82 รายการ ไทยได้ดุลการค้า 6,843.5 ล้านบาท โดยการค้าภาพรวมมีจำนวน 12,995.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.48% เป็นการส่งออก 9,919.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เป็นการนำเข้า 3,076.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.93% โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญภายใต้เอฟทีเอ ประกอบด้วย เครื่องรับโทรทัศน์สี โพลีคาร์บอเนต หลอดภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศที่ประกอบด้วยพัดลม อีพอกไซด์เรซิน ตู้เย็น โพลิเอสเทอร์ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย กระปุกเกียร์ของยานยนต์ เหล็กและเหล็กกล้า โพลิเอสเทอร์ อะลูมิเนียมออกไซด์ เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ เป็นต้น “ภาพรวมการค้าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด คาดการณ์ว่าการค้าในภาพรวมทั้งปี จะมีอัตราเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งการค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากผลประโยชน์ที่ได้รับภายใต้ข้อตกลงทางการค้าเสรีที่ไทยมีกับประเทศคู่ค้า ทำให้ลดปัญหา อุปสรรคทางด้านการค้าระหว่างกัน” นางชุติมา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ