วีซ่าเผยผู้เชี่ยวชาญระบบความปลอดภัยต่างยอมรับและหันมาใช้บัตรติดชิปอีเอ็มวีอย่างแพร่หลาย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 16, 2009 12:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ ผู้ร่วมสัมมนาด้านระบบความปลอดภัยประจำเอเชียแปซิฟิกของวีซ่าเห็นว่าบัตรติดชิป อีเอ็มวีคืออนาคตของการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งช่วยขจัดการปลอมแปลงบัตร บัตรชำระเงินติดชิปเทคโนโลยีอีเอ็มวีคือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยในการชำระเงินให้การยอมรับและนิยมใช้อย่างแพร่หลาย โดยจากผลการสำรวจ ในกลุ่มผู้ร่วมสัมมนาด้านระบบความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2552 ที่จัดโดยวีซ่า กว่า 75 % ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ต่างก็มีบัตรติดชิปพกติดกระเป๋าใช้กันแล้ว บัตรติดชิปอีเอ็มวีใช้เทคโนโลยีซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความหลากหลายในการใช้งานให้กับระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งผู้ถือบัตรและร้านค้า เทคโนโลยีชิปยังช่วยลดความเสี่ยงในการถูกปลอมแปลงบัตรได้ด้วย ไมค์ สมิธ หัวหน้าฝ่ายการบริหารความเสี่ยง วีซ่า เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ปัจจุบัน บัตรวีซ่าประมาณ 27% ที่ใช้กันในเอเชียแปซิฟิกเป็นบัตรติดชิป แต่ขณะเดียวกัน 75% ของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยในการชำระเงินที่เข้าร่วมสัมมนาต่างก็มีบัตรติดชิปใช้กันแล้ว ซึ่งการที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ให้การยอมรับและหันมาใช้บัตรติดชิปนับเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงคุณสมบัติและประโยชน์ของเทคโนโลยีชิปอีเอ็มวี” การสำรวจในการสัมมนาครั้งนี้ยังเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยที่อยู่ในความสนใจของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยในการชำระเงิน นั่นคือ มีเพียง 5% ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ที่รู้สึกว่าอัตราการปลอมแปลงบัตรที่เพิ่มขึ้นเป็นปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการหันมาใช้บัตรติดชิบและเครื่องอ่านบัตรแบบใหม่มีส่วนช่วยลดปัญหาการปลอมแปลงบัตรได้อย่างชัดเจน “บัตรติดชิปเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางด้านระบบความปลอดภัยแบบหลายชั้นของวีซ่า ความสำเร็จอย่างสูงของบัตรติดชิปซึ่งมีการบังคับใช้แล้วในมาเลเซียพิสูจน์ให้เห็นว่าบัตรแบบนี้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดอัตรการปลอมแปลงบัตร หลังจากที่ได้เห็นผลจากการเร่งรัดให้มีการเปลี่ยนไปใช้บัตรติดชิปอีเอ็มวีของมาเลเซียที่มีต่ออัตราการปลอมแปลงบัตรแล้ว เราจึงอยากให้เทคโนโลยีนี้เป็นที่แพร่หลายอย่างรวดเร็วและกว้างขวางมากขึ้นในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค” สมิธกล่าว มาเลเซียเป็นประเทศแรกในเอเชียแปซิฟิกที่มีการบังคับใช้เทคโนโลยีชิปอีเอ็มวีในปี 2548 เพื่อลดอัตราการปลอมแปลงบัตรชำระเงิน โดยภายในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2548 การทุจริตจากการใช้บัตรวีซ่าปลอมที่ออกในมาเลเซียมีมูลค่าเกือบ 677,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หลังจากนั้น 12 เดือน อัตราการทุจริตจากการใช้บัตรวีซ่าปลอมที่ออกในมาเลเซียกลับลดลงเกือบทั้งหมด นวัตกรรมเพื่อการบริการลูกค้า เทคโนโลยีชิปอีเอ็มวีคือพื้นฐานของระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและการชำระเงินผ่านเครือข่ายไร้สาย ซึ่งทั้งสองระบบเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยต่างเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีและเป็นประโยชน์ที่สุดต่อผู้บริโภคในหนึ่งถึงสามปีข้างหน้า โดยระบบการชำระเงิน 5 อันดับแรกที่ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าจะมีแนวโน้มที่ดีที่สุดประกอบด้วย ระบบชำระเงินผ่านเครือข่ายไร้สาย ระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส ระบบแจ้งข้อมูล ระบบการโอนเงิน และระบบชำระเงินทางไกล “เทคโนโลยีชิปช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เราได้เห็นถึงอนาคตที่ดีของนวัตกรรมเหล่านี้ในหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคแล้ว ตัวอย่างเช่น ที่ร้านสตาร์บักส์ในเกาหลี ซึ่งลูกค้าสามารถจ่ายค่ากาแฟด้วยบัตรวีซ่าเพย์เวฟ หรือโทรศัพท์มือถือแทนเงินสดได้แล้ว” สมิธกล่าวทิ้งท้าย รายละเอียดเพิ่มเติม : ปัญจพร คู่สามารถ ([email protected]) วราลี บุนนาค ( [email protected])บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด โทร. 02 205 6626, 02 205 6627

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ