นักเรียนตาบอดไทยไอเดียเยี่ยม ...คิดโครงการเลียนแบบธรรมชาติสร้างสรรค์เทคโนโลยี

ข่าวทั่วไป Friday February 5, 2010 16:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--สวทช. การพัฒนาสื่อการสอนวิทยาศาสตร์ไม่ใช่แค่สนุก เข้าใจง่าย แต่ต้องเข้าถึงเยาวชนได้อย่างทัดเทียมด้วย และนั่นคือที่มาของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ในหัวข้อ “ท่องโลกมหัศจรรย์แห่งชีวิตด้วยดีเอ็นเอ” และ “โครงงานวิทยาศาสตร์” สำหรับเยาวชนผู้พิการทางสายตา ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศจำนวน 23 คน โดยฝ่ายสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ(อพวช.) คลองห้า จังหวัดปทุมธานี นางฤทัย จงสฤษดิ์ หัวหน้ากิจกรรมท่องโลกมหัศจรรย์แห่งชีวิตด้วยดีเอ็นเอ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า การกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ให้แก่เยาวชนผู้พิการทางสายตา ผ่านสื่อการเรียนการสอนและกิจกรรมที่ได้ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม อันจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างสนุก เข้าใจง่าย และลึกซึ้งมากกว่าในห้องเรียนปกติ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการสังเกตแววความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาต่อทางด้านวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและปริญญาตรีต่อไปอีกด้วย โดยภายในกิจกรรมเด็กๆ จะได้ฝึกทักษะการวิเคราะห์ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ ทั้งการดมกลิ่น การสัมผัส การลิ้มรส และการฟัง เช่น เด็กๆจะได้รับผักและผลไม้ที่อยู่ใกล้ตัวคนละชนิด คือ ข้าวโพด มะม่วง มะนาว มะเขือเทศ แตงกวา จากนั้นให้ลองสังเกตและวิเคราะห์ถึงความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งเด็กๆ ยังได้เรียนรู้ถึงความมหัศจรรย์ในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ผ่านกาลเวลาที่ยาวนานนับร้อยล้านปี เช่น รังผึ้งหกเหลี่ยม ที่ผึ้งตัวน้อยได้ออกแบบไว้อย่างแข็งแรงและเก็บน้ำหวานได้มากเพียงพอต่อการอยู่รอด หรือใยมะพร้าวที่สานกันเป็นตาข่ายทรงพลัง ซึ่งไม่เพียงทำหน้าที่ปกป้องต้นมะพร้าวได้อย่างดีแล้ว เส้นใยที่สานกันยังยืดขยายตามขนาดต้นมะพร้าวได้โดยไม่ฉีกขาดด้วย นอกจากนี้เด็กๆ ยังได้สนุกกับสื่อการเรียนรู้ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่นการเรียนรู้พันธุศาสตร์และเซลล์ผ่านไข่ต้ม โครงสร้างโครโมโซมและดีเอ็นเอจำลอง เป็นต้น ที่สำคัญสุดท้ายแล้วเด็กๆ จะต้องนำความรู้ทั้งหมดมาช่วยกันระดมความคิดเพื่อสร้างโครงงานวิทยาศาสตร์จากธรรมชาติของตนเองด้วย การเลียนแบบการลอยน้ำของผักตบชวาเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยบนน้ำ คือชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ของ “น้องเอ” หรือ นายนพรัตน์ มีเงิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีแนวคิดว่า บ้านผักตบชวาคือที่อยู่อาศัยในอนาคต หากมนุษย์ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ภาวะน้ำท่วมโลก “ผมสังเกตว่า ผักตบชวาจะอยู่กันเป็นกอลอยบนน้ำได้ จึงคิดว่าเราน่าจะนำรูปแบบเช่นนี้ไปใช้ในการออกแบบบ้าน หรือสร้างชุมชนบ้านลอยน้ำครับ เผื่อว่าหากอนาคตเกิดน้ำท่วมโลก เราก็จะได้อยู่อย่างปลอดภัยครับ” ด้าน “น้องมอส” หรือ ด.ช.ปราโมทย์ ชื่นขำ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ กล่าวว่า ด้วยการเดินทางในสภาวะที่มองไม่เห็น จึงอยากจะสร้างสิ่งประดิษฐ์เลียนแบบธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดด้วยกัน นั่นคือ เข็มกลัดสะท้อนสิ่งกีดขวาง “ เราจะพัฒนาเข็มกลัดสะท้อนสิ่งกีดขวางโดยติดไว้ที่เสื้อ มีการออกแบบอย่างสวยงามและพกพาสะดวก เมื่อก้าวเดินไปแห่งหนไหน ถ้ามีวัตถุกีดขวางก็สามารถส่งเสียงเตือนได้ โดยระบบดังกล่าวจะเลียนแบบการสะท้อนคลื่นของค้างค้าวที่บินผ่านสิ่งกีดขวางและจับแมลงกินในยามค่ำคืนได้ดีเยี่ยม” นอกจากนี้ยังมีโครงการที่นำของเหลือใช้จากท้องถิ่นที่มีจำนวนมากมาวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น นายปฐวี จันทร์ดำ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคใต้ จ.สุราษฏร์ธานี ได้เสนอการนำใบปาล์มที่มีความเหนียวมาพัฒนาเป็นกระดาษที่แข็งแรงทนทาน เพราะใบปาล์มในภาคใต้มีอยู่จำนวนมากและยังไม่นำไปใช้ประโยชน์เท่าที่ควร สำหรับความรู้สึกต่อการจัดกิจกรรมครั้งนี้ “น้องเก่ง” หรือ น.ส.ธิตญา กำริสุ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณและประทับใจมากที่มีการจัดกิจกรรมเช่นนี้ให้พวกเรา ทำให้เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น โดยกิจกรรมที่ชอบเป็นพิเศษ คือ กิจกรรมรังผึ้ง เพราะได้ทราบเป็นครั้งแรกว่า ผึ้งออกแบบรังเป็นหกเหลี่ยม ทำให้แข็งแรงและเก็บน้ำผึ้งปริมาณมาก อีกทั้งกิจกรรมเรียนรู้สิ่งมีชีวิตผ่านดีเอ็นเอ ก็ทำให้เข้าใจเรื่องราวการถ่ายทอดพันธุกรรมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้สัมผัสโมเดลโครโมโซมและดีเอ็นเอด้วยตนเอง “หากนักเรียนตาบอดมีสื่อการเรียนการสอนที่สัมผัสได้และเข้าใจง่ายแบบนี้ ก็คงจะทำให้พวกเราเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้สนุกมากยิ่งขึ้นค่ะ ” สอบถามรายละเอียดและภาพประกอบเพิ่มเติมได้ที่ 02-5647000 ต่อ 1489
แท็ก ธรรมชาติ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ