พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕๙๒) พ.ศ. ๒๕๕๘

ข่าวทั่วไป Monday September 14, 2015 14:40 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕๙๒)

พ.ศ. ๒๕๕๘

___________________

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘

เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕๙๒) พ.ศ. ๒๕๕๘"

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคมพ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๙๒/๒๕๕๗ เรื่องการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

มาตรา ๔ ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากรและคงจัดเก็บในอัตรา ดังต่อไปนี้

(๑) ร้อยละหกจุดสามสำหรับการขายสินค้าการให้บริการหรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙

(๒) ร้อยละเก้าสำหรับการขายสินค้าการให้บริการหรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ: - เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้คือโดยที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๒/๒๕๕๗ เรื่องการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้กำหนดให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากรจากอัตราร้อยละสิบเป็นอัตราร้อยละหกจุดสามเป็นการชั่วคราวสำหรับการขายสินค้าการให้บริการหรือการนำเข้าทุกกรณีซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ และจัดเก็บเป็นอัตราร้อยละเก้าตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป แต่เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศยังชะลอตัวและการใช้จ่ายของภาคเอกชนยังมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องดังนั้นเพื่อเป็นการผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนมีกำลังซื้อสินค้าอันจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงสมควรขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละสิบเป็นร้อยละหกจุดสาม ออกไปอีกจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และลดอัตราเป็นร้อยละเก้าตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไปจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ