ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๕๒) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์ที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารในประ

ข่าวทั่วไป Monday August 26, 2019 11:17 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๕๒)

เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ

หรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์

ที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศ

________________

อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ (๖๙) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓๙ (พ.ศ. ๒๕๖๑) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประจาหรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์ที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศ ที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๗) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร เฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากประจาที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ลงวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘

ข้อ ๒ ดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคานวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจาหรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์ ที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป แต่เมื่อรวมกับดอกเบี้ยเงินฝากประจาทุกประเภทหรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์แล้ว ต้องมีจานวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน สามหมื่นบาทตลอดปีภาษีนั้น และผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากดังกล่าวเมื่อมีอายุไม่ต่ากว่าห้าสิบห้าปีบริบูรณ์

ข้อ ๓ ชื่อบัญชีเงินฝากต้องเป็นชื่อของผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากนั้น แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลและกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง

ข้อ ๔ กรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากตามข้อ ๒ รวมกับดอกเบี้ยเงินฝากประจาทุกประเภทรวมกันหรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์แล้ว มีจานวนทั้งสิ้นเกินสามหมื่นบาทตลอดปีภาษีนั้น ให้ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากดังกล่าวหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทั้งจานวน และนาส่งตามมาตรา ๕๐ (๒) และมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อ ๕ ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากตามข้อ ๒ ที่สามีภริยา เป็นผู้ฝากเงินร่วมกันและไม่อาจแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นเงินฝากของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายจานวนเท่าใด ให้ถือว่าเงินได้ดังกล่าวเป็นเงินได้ของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง

ข้อ ๖ ผู้ฝากเงินต้องแจ้งเลขประจาตัวประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร พร้อมแสดงบัตรประจาตัวประชาชนของตนต่อธนาคารผู้รับฝากเมื่อเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าว

กรณีที่ผู้ฝากเงินตามวรรคหนึ่งไม่มีเลขประจาตัวประชาชน ให้แจ้งเลขประจาตัว ผู้เสียภาษีอากรต่อธนาคารผู้รับฝากเมื่อเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าว

ข้อ ๗ ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากตามข้อ ๒ ต้องแจ้งข้อมูล ของผู้มีเงินได้ตามหนังสือแจ้งการขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งต้องมีข้อความอย่างน้อยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้ต่อธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝาก และให้ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากเก็บหลักฐานดังกล่าวไว้เพื่อให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบต่อไป

ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้แจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้มีเงินได้ไม่มีหน้าที่แจ้งข้อมูลดังกล่าวอีก ข้อ ๘ ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนเงินฝากตามข้อ ๒ ต้องส่งข้อมูลของผู้มีเงินได้ที่แจ้งต่อธนาคารตามข้อ ๗ และข้อมูลการฝากเงินของผู้มีเงินได้ต่อกองเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพากร โดยให้ส่งเป็นสื่อบันทึกข้อมูลของผู้มีเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประจาหรือผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามตามหลักการมุฎอเราะบะฮ์ ที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไปและผู้มีเงินได้มีอายุไม่ต่ากว่าห้าสิบห้าปีบริบูรณ์ ซึ่งต้องมีรายละเอียดอย่างน้อย ตามที่แนบท้ายประกาศนี้

การส่งข้อมูลของผู้มีเงินได้ฝากเงินตามวรรคหนึ่งสำหรับรอบระยะเวลาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ให้ส่งภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป เว้นแต่รอบระยะเวลาตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ส่งภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

อธิบดีกรมสรรพากร

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ