ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร(ฉบับที่ ๒๗) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการบริจาคให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อ

ข่าวทั่วไป Thursday December 24, 2020 14:01 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

(ฉบับที่ ๒๗) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการบริจาคให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อ

ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๑) พ.ศ. ๒๕๖๓ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการบริจาคให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๓ (๑) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๑) พ.ศ. ๒๕๖๓ จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น โดยบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) สาขาทาเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี "สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙ )" เลขที่บัญชี ๐๖๗-๐-๑๓๘๒๙-๐

ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๓ (๒) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๑) พ.ศ. ๒๕๖๓ จะบริจาค เป็นเงิน ทรัพย์สินหรือสินค้าก็ได้ โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

(๑) กรณีที่บริจาคเป็นเงินต้องเป็นการบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) สาขาทาเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี "สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙ )" เลขที่บัญชี ๐๖๗-๐-๑๓๘๒๙-๐ (๒) กรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ประเภทและชนิดตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด

(๓) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจานวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าวเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค

(๔) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนาทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคานวณหัก ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค

(๕) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนาสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ ผลิตเองหรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร

(๖) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจานวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๕) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อ ๓ การบริจาคให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏ ในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๑) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐาน การบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน

ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

อธิบดีกรมสรรพากร

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ