ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๓) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าและบริจาคสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙

ข่าวทั่วไป Wednesday July 14, 2021 10:46 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ ๓๓) เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าและบริจาคสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙

____________________อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๐) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้า และบริจาคสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ สินค้าที่นำเข้าต้องเป็นสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามรายการในประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

ข้อ ๒ ผู้นำเข้าต้องระบุข้อความ "บริจาค COVID-๑๙" ในใบขนสินค้าขาเข้า สำหรับการนำเข้าที่ได้กระทำตั้งแต่วันถัดจากวันที่ลงในประกาศนี้ โดยการส่งข้อมูลใบขนสินค้าให้เป็นไปตามที่กรมศุลกากรประกาศกำหนด

ข้อ ๓ สถานพยาบาลของทางราชการที่รับบริจาคต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงาน ที่สถานพยาบาลนั้นสังกัดว่าเป็นสถานพยาบาลของทางราชการที่ให้บริการรักษาพยาบาลแก่บุคคลภายนอกเป็นการทั่วไปและได้รับรหัสหน่วยงานบริการสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข ข้อ ๔ องค์การหรือสถานสาธารณกุศล หรือสถานพยาบาล ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ที่รับบริจาคต้องเป็นหน่วยงานดังต่อไปนี้

(๑) สภากาชาดไทย หรือ (๒) องค์การหรือสถานสาธารณกุศล หรือสถานพยาบาล ตามข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕

ข้อ ๕ ผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๐) พ.ศ. ๒๕๖๔ ต้องมีเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ พร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้

(๑) ใบขนสินค้าขาเข้า(๒) เอกสารหลักฐานเป็นหนังสือจากผู้รับบริจาค ซึ่งสามารถพิสูจน์การรับบริจาคสินค้านำเข้าจากผู้บริจาคได้ เว้นแต่ผู้รับบริจาคได้ทำการรับบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Dati) ตามประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Dati) ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Dati) เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากร โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน

ทั้งนี้ เอกสารหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรตามวรรคหนึ่งไม่ว่าเป็นหนังสือหรือเป็นข้อมูลที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Dati) ต้องระบุจำนวนและมูลค่าของสินค้านำเข้าที่บริจาคด้วย

ข้อ ๖ ผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๐) พ.ศ. ๒๕๖๔ ต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้ามาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

อธิบดีกรมสรรพากร

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ