ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ระหว่าง 18 กรกฎาคม 2550 - 24 กรกฎาคม 2550 ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 18-20 ก.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 ก.ค.มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ สำหรับไม้ผลที่ตัดแต่งกิ่งในระยะนี้ เกษตรกรควรทาบริเวณรอยแผลที่ตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา ส่วนผู้ที่เริ่มปลูกพืชในระยะนี้ควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และควรยกร่องแปลงปลูกเนื่องจากระยะต่อไปอาจจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 18-20 ก.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย กับมีฝนตกหนักบางแห่งและมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับผลผลิตของพืชตระกูลถั่วที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เสียหายได้ ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงโคนมในระยะนี้ ควรลดปริมาณหญ้าอ่อนที่มีน้ำมาก เพราะอาจทำให้โคท้องอืด ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปตลอดช่วง โดยจะมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ทางตะวันตกและตอนล่างของภาคส่วนมากในช่วงวันที่ 18-20 ก.ค. และ 23-24 ก.ค. เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ขณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรซ่อมแซมโรงเรือนและหลังคาเพื่อป้องกันโรงเรือนอับชื้น มิเช่นนั้นสัตว์เลี้ยงจะอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งกับลมกระโชกแรงบางพื้นที่บริเวณเทือกเขาและชายฝั่งส่วนมากในช่วงวันที่ 18-20 ก.ค.และ 23-24 ก.ค. ชาวสวนยางพาราควรระวังโรคพืชที่มักระบาดในบริเวณชื้นแฉะ เช่น โรคเส้นดำ และโรคเปลือกเน่า สำหรับบริเวณที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออก และฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายตลอดช่วง สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและตายได้ สำหรับชาวสวนลองกองควรระวังและป้องกันโรคราสีชมพู โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน อนึ่ง ในช่วงวันที่ 21-24 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-